ตำรวจสากลเตรียมประสานอินเตอร์โพลตรวจสอบความเคลื่อนไหว “เอนก ซานฟราน” จ่อออกหมายแดงล่า “กิตติศักดิ์” รอเพียง อสส.ส่งเรื่องผู้ร้ายข้ามแดน
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 1 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีลักเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท ว่าขณะนี้พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้ต่อศาลแล้ว โดยมีนายกิตติศักดิ์รวมอยู่ด้วย หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลางจะส่งเรื่องไปยังประเทศที่คาดว่านายกิตติศักดิ์หลบหนีอยู่ เพื่อให้มีการส่งตัวนายกิตติศักดิ์เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ จากข้อมูลด้านการข่าว ตำรวจสากลประเทศไทยได้รับการประสานงานจากตำรวจสากลประเทศอังกฤษว่านายกิตติศักดิ์ได้เดินทางเข้าประเทศอังกฤษจริง โดยใช้หนังสือเดินทางและวีซ่าของตนเอง ขณะเดียวกันทราบว่าปัจจุบันวีซ่าและหนังสือเดินทางของนายกิตติศักดิ์ได้ถูกยกเลิกเรียบร้อยแล้ว
“ขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องที่อัยการสูงสุดจะส่งเรื่องคำร้องขอผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศอังกฤษซึ่งคงต้องใช้เวลา โดยภายหลังอัยการสูงสุดส่งคำร้องให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศอังกฤษก็จะมีการประสานมายังตำรวจสากลประเทศไทย เพื่อให้ตำรวจสากลประเทศไทยร้องขอไปยังองค์กรตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เพื่อขอให้มีการออกหมายแดง เพื่อให้ช่วยในการดำเนินการจับกุมตัวนายกิตติศักดิ์ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าหากมีการออกหมายแดงแล้ว สามารถนำหมายแดงไปจับกุมตัวนายกิตติศักดิ์ได้เลย ยืนยันว่าไม่สามารถทำเช่นนั้น เพราะตามขั้นตอนหลังจากทางการอังกฤษรับเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนเรียบร้อยแล้ว และมีการอนุญาตให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ศาลของประเทศอังกฤษจะต้องมีการออกหมายจับก่อน ตำรวจอังกฤษจึงจะสามารถจับกุมนายกิตติศักดิ์ได้ แต่ระหว่างนั้นหากมีความชัดเจนเกี่ยวกับการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอาจจะมีการควบคุมตัวชั่วคราวได้” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวถึงการติดตามตัวนายมนูญ ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย และร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังคดีปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่าสถานะปัจจุบันตำรวจสากลประเทศไทยได้รับคำร้องจากพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวแล้วเพื่อให้ช่วยดำเนินการสอบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของนายมนูญ แต่คดีนี้ขั้นตอนยังไม่ถึงชั้นพนักงานอัยการ เพราะตำรวจยังไม่สรุปสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา ตำรวจสากลประเทศไทยจึงได้เตรียมส่งรายละเอียดคำร้อง ซึ่งยังไม่ใช่หมายแดงไปยังองค์กรตำรวจสากล ที่มีสมาชิกอยู่ 190 ประเทศทั่วโลกภายในวันนี้ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้นายมนูญเป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัว ถ้าตรวจสอบพบว่านายมนูญไปหลบหนีอยู่ในประเทศใดให้แจ้งความเคลื่อนไหวมายังตำรวจสากลประเทศไทยรับทราบซึ่งข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์ในการระบุถิ่นที่อยู่ที่แน่ชัดของนายมนูญ เพื่อใช้ประกอบในการขอให้มีการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ศาลในแต่ละประเทศจะไม่ออกหมายจับ พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ประเทศปลายทางที่ได้รับการร้องขอจากทางการไทยจะดำเนินการให้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการทูตซึ่งจะใช้หลักต่างตอบแทน ทั้งนี้ สำหรับการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต้องเข้าเงื่อนไข 4 ข้อ ดังนี้ 1. ต้องเป็นข้อหาที่กฎหมายของทั้งสองประเทศบัญญัติว่าเป็นความผิด และเป็นความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกขั้นต่ำ 1 ปีขึ้นไป 2. เป็นความผิดที่พนักงานอัยการได้มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีนั้นไปแล้ว 3. ต้องเป็นกรณีที่มีคำร้องจากทางการไทยว่าขอให้มีการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน และ 4. ประเทศปลายทางต้องออกหมายจับให้ ตรงนี้เป็นดุลพินิจของศาลประเทศนั้นๆ อนึ่ง การส่งผู้ร้ายข้ามแดนนอกจากจะต้องเข้าเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อแล้วต้องไม่เป็นข้อหาเกี่ยวกับการเมือง ศาสนา เชื้อชาติ และการทหาร
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทยและสหรัฐอเมริกามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน แต่กรณีนี้นับว่าเป็นกรณีแรกที่มีการขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในคดีก่อการร้าย ตนเชื่อว่าทางการสหรัฐอเมริกาจะใช้ความสำคัญคดีนี้เป็นอันดับแรกในการพิจารณาเพราะเป็นคดีก่อการร้าย ประกอบกับที่ผ่านมาประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ที่ผ่านมาหากมีผู้ต้องหาที่ทางการสหรัฐอเมริกาต้องการตัวตำรวจก็ดำเนินการส่งตัวให้เกือบทุกกรณี สำหรับกรณีนายมนูญเข้าเงื่อนไขแรกแล้ว แต่คดีนี้พนักงานอัยการยังไม่ได้มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา หากมีการสั่งฟ้องก็จะมีการดำเนินการขอออกหมายแดงต่อไป