ตร.บุปผารามตามจับผู้ต้องหาทำลายวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันบุกโบราณสถาน หรือทำให้เสียทรัพย์ หลังกรมศิลปากรเข้าร้องทุกข์ ขยายผลสืบสวนหาตัวผู้จ้างวานต่อไป
จากกรณีกรมศิลปากรเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุปผาราม ให้ดำเนินคดีต่อผู้จ้างวานทำรายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม. เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่เคยจับกุมตัวชาวต่างด้าว 2 คนซึ่งเป็นคนงานก่อสร้างขณะลงมือรื้อถอนอาคารภายในวัดดังกล่าว จนทางวัดออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงและมีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวน โดยทางผู้บังคับบัญชาติดตามคดีอย่างใกล้ชิดตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ สน.บุปผาราม พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บุปผาราม ร่วมกันสอบปากคำนายฉลอง ไทยขำ อายุ 49 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.205/2558 ข้อหาร่วมกันบุกโบราณสถาน หรือทำให้เสียทรัพย์ ลงวันที่ 26 มี.ค. 58 ผู้รับเหมารื้อถอนโบราณสถานในวัด โดยถูกจับกุมได้ที่ซอยข้างกรมที่ดิน ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาสอบสวนกว่า 2 ชั่วโมง
พ.ต.อ.วรวิทย์กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการรื้อถอน และไม่เคยรู้จักกับทางผู้ต้องหาชาวลาว 2 คนที่เคยถูกจับกุมให้การซัดทอดมาที่มาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด หลังจากนี้จะทำการสอบสวนอีกครั้งว่ามีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องก่อนจะรวบรวมพยานหลักเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.สัมฤทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวแล้วจริง แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด เบื้องต้นรับว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่ในส่วนรายละเอียดขอเป็นไปในทางลับ อย่างไรก็ตามคดีนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้เร่งรัด พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง เนื่องจากคดีนี้มีความเกี่ยวโยงกับทางพระพุทธศาสนา และมวลชนซึ่งมีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ต้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ทำงานก่อนเพื่อทำการขยายผลไปยังผู้จ้างวานต่อไป