ยุติธรรมแจงคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ระบุความเสียหายของสหกรณ์ฯ มีมูลค่าเพียง ร้อยละ 0.59 ทั้งระบบ เริ่มแผนฟื้นฟู 7 เม.ย.นี้ โดยเจ้าหนี้สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้
เมื่อเวลา 11.45 น. วันนี้ (20 มี.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญา 3 พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลาขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และน.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ฯ คลองจั่นถือเป็นกรณีศึกษาในเรื่องของการเกิดทุจริตขึ้นภายในองค์กร เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาแนวทางการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันนี้ ตนเน้นย้ำมาตลอดว่า การวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตนั้นสำคัญกว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่สุดท้ายแล้วก็จะมีเงินบางส่วนที่หายสาบสูญ และผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือประชาชนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สหกรณ์ในประเทศมีเงินหมุนเวียนประมาณ 2 ล้านล้านบาท จาก 7,700 สหกรณ์ทั่วประเทศ ซึ่งความเสียหายของสหกรณ์ฯคลองจั่นมีมูลค่าเพียง ร้อยละ 0.59 ซึ่งถือว่าน้อยมากในระบบสหกรณ์ แต่ก็ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลยังดูแลเรื่องตรงนี้อยู่
ด้าน น.ส.รื่นฤดีกล่าวว่า กรณีที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์ฯ คลองจั่น และแต่งตั้งผู้ทำแผนนั้น ในส่วนของกรมบังคับคดีได้ประสานไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จึงทำให้ทราบว่าจะสามารถประกาศคำสั่งศาลในราชกิจจานุเบกษา ได้ในวันที่ 7 เม.ย.นี้ โดยเจ้าหนี้สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ พร้อมหลักฐานได้ที่สำนักฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และสำนักบังคับคดีทั่วประเทศ ได้ภายใน 30 วัน จนถึงวันที่ 7 พ.ค.นี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการยื่นคำขอชำระหนี้ หากพ้นกำหนดไปแล้ว ถือว่าหนี้นั้นจะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ในส่วนผู้จัดทำแผนจะต้องทำแผนฟื้นฟูให้แล้วเสร็จภายใน 7 ก.ค.นี้ หากเป็นไปตามกำหนดดังกล่าวกรมบังคับคดีจะสามารถเรียกประชุมเจ้าหนี้ได้ภายในเดือนก.ย.นี้ ก่อนนำผลการพิจารณาเสนอให้ศาลเห็นชอบแผนการฟื้นฟูต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้จัดทำแผนสามารถยื่นขอขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน
“เจ้าหนี้ตามบัญชีแนบท้ายคำขอรับการขอฟื้นฟูกิจการมีทั้งหมด 56,599 คน ตามกฎหมายระบุว่า คือผู้ที่มีเงินฝากกับสหกรณ์ โดยไม่นับรวมสมาชิกประเภทถือหุ้นที่ไม่มีเงินฝาก ในส่วนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับผู้จัดทำแผนว่าจะมีมาตรการในการเยียวยาอย่างไร” อธิบดีกรมบังคับคดีกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ในการติดตามทรัพย์กลับคืนมานั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการอายัดทรัพย์สินเพิ่ม และทางสหกรณ์ได้ร้องต่อศาลเพื่อขออายัดทรัพย์สินแล้ว 3,811 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังมีทรัพย์สินจำนวนมากที่ยังอยู่ในการอายัดของ ปปง. โดยสัปดาห์หน้าจะเรียกผู้บริหารสหกรณ์มาร่วมหารือเพื่อประเมินมูลค่าทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินที่ ปปง.สืบทราบว่านายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น ได้ยักยอกเงินออกไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ปัจจุบันมีราคาสูงขึ้น โดยเป็นพื้นที่มีมูลค่าสูง เช่น จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และจ.นครราชสีมา
นอกจากนี้จะมีการพิจารณาเเก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ฟอกเงิน ในส่วนของการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย โดยเฉพาะการนำทรัพย์สินที่อายัดได้ไปขายทอดตลาดทันที โดยไม่ต้องรอคำชี้แจงจากเจ้าของทรัพย์ ซึ่งส่วนนี้ก็คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเวลาเดียวกันกับการทำแผนฟื้นฟูสหกรณ์
สำหรับความคืบหน้าของการดำเนินคดีต่อนายศุภชัยและพวกนั้น นางสุวณากล่าวว่า ได้รับรายงานจากชุดติดตามร่องรอยทางการเงินในการตรวจสอบเช็คทั้ง 878 ฉบับ ว่าขณะนี้ ได้ติดตามไปถึงระดับที่ 2 ของการสั่งจ่ายเช็ค นอกจากนี้ ชุดตรวจสอบเกี่ยวกับกฎหมายยังพบว่ากรณีการปล่อยเงินกู้ให้กับสมาชิกสมทบที่เป็นนิติบุคคล 28 แห่ง มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นการปล่อยกู้ที่ผิดคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ โดยเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็นผู้รับผิดชอบในการขยายผลเรื่องดังกล่าวแล้ว
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า กรณีที่วัดพระธรรมกายยอมคืนเงินให้กับสหกรณ์ฯจำนวน 684 ล้านบาท จากนั้นทนายผู้รับมอบอำนาจจากสหกรณ์ได้มายื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ที่จะไม่ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย นั้น ทางดีเอสไอต้องรอให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จ จึงจะสามารถมีความเห็นได้
