xs
xsm
sm
md
lg

ศาลจำคุก 5 ปี 6 เดือน 3 พี่น้องสุวะดี หมิ่นเบื้องสูงและกักขังหน่วงเหนี่ยว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลพระโขนงสั่งจำคุก 11 ปี “สามพี่น้องตระกูลสุวะดี” เครือข่าย “พงศ์พัฒน์” แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและหน่วงเหนี่ยวกักขัง แต่จำเลยรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 5 ปี 6 เดือน

วันนี้ (20 มี.ค.) ศาลจังหวัดพระโขนงนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ณัฐพล หรือนายณัฐพล สุวะดี อายุ 30 ปี, นายณรงค์ สุวะดี อายุ 42 ปี, นายสิทธิศักดิ์ สุวะดี อายุ 25 ปี จำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ, ร่วมกันมีอาวุธปืน และพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 310, 371 และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

โดยคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2557 เวลา 07.30 น. จำเลยพร้อมกับพวกได้พากันมาดักรอนายวิทยา ปัญญาทวีกูล ผู้เสียหาย ที่หน้าบ้านพักซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. จากนั้นใช้อาวุธปืนขู่บังคับนายวิทยาไปที่บ้านหลังหนึ่งย่านพุทธมณฑลสาย 3 แขวงและเขตทวีวัฒนา เพื่อพบกับนายณัฐพล จำเลยที่ 1 ซึ่งแอบอ้างเบื้องสูงแล้วบังคับให้นายวิทยาติดต่อบุคคลที่รู้จักให้ไปเจรจาเรื่องหนี้สินที่ค้างอยู่กับพลเรือนรายหนึ่ง เมื่อนายวิทยาได้พยายามติดต่อบุคคลผู้ใกล้ชิดให้ไปพบพวกผู้ต้องหาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้วัดศรีเอี่ยม ถ.บางนา-ตราด แต่บุคคลนั้นไม่ยอมออกมาพบผู้ต้องหาจึงควบคุมตัวนายวิทยาไว้ กระทั่งวันที่ 21 มี.ค. 2557 เวลา 01.05 น.ได้พานายวิทยาออกจากบ้านแล้วปล่อยตัวไป แต่ระหว่างนั้นพวกผู้ต้องหาก็ได้ลักเอาบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ รวมทั้งเงินสดประมาณ 2,000 บาท ที่เป็นทรัพย์สินของนายวิทยาไปด้วย ภายหลังนายวิทยาจึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง กระทั่งได้ขอศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับ โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน กก.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง กับพวก ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน ประกอบคำรับสารภาพจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-3 กับพวกได้ร่วมกันมีและพาอาวุธที่ไม่มีหมายเลขทะเบียน ไปในซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. และได้ใช้อาวุธปืนบังคับนายวิทยา ผู้เสียหายให้นั่งรถไปกับพวกจำเลย โดยพาไปควบคุมไว้ที่บ้านที่ตั้งอยู่ในแขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. แล้วบังคับให้ผู้เสียหายโทรศัพท์ติดต่อกับ น.ส.วิมลรัตน์ ไขว้วงศ์ เพื่อให้มาพบกับจำเลยที่ 1-3 กับพวก แล้วได้แอบอ้างถึงเบื้องสูง อันเป็นการดูหมิ่นองค์รัชทายาทเพื่อให้ผู้เสียหาย และ น.ส.วิมลรัตน์ มอบเงินให้พวกจำเลย

จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 มีความผิดตามฟ้อง ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษทุกความผิด จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 5 ปี ฐานร่วมกันดูหมิ่นองค์รัชทายาทฯ, จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ, จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และจำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์ รวมจำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 11 ปี แต่จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 5 ปี 6 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลได้เบิกตัวนายณัฐพล, นายณรงค์ และนายสิทธิศักดิ์ พี่น้องตระกูลสุวะดี มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างพิจารณาจำเลยทั้งสามไม่ได้รับการประกันตัว โดยเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวจำเลยทั้งสามไปคุมขังยังเรือนจำต่อไป

ขณะที่คดีนี้อัยการยังได้ยื่นฟ้องนายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์, นายชากานต์ ภาคภูมิ, นายวิทยา เทศขุนทศ และนายชลัช โพธิราช ร่วมเป็นจำเลยที่ 4-7 กับสามพี่น้องตระกูลสุวะดีด้วย แต่เนื่องจากนายสุทธิศักดิ์กับพวกให้การปฏิเสธ ศาลจึงให้อัยการโจทก์ แยกฟ้องนายสุทธิศักดิ์กับพวกรวม 4 คน เป็นคดีใหม่ ซึ่งศาลจะได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น