แจ้งจับสาวหลอกทำประกันภัย หลังเกิดอุบัติเหตุเคลมไม่ได้

เหยื่อโบรกเกอร์บริษัทประกันแจ้งกองปราบจับ “ที.เอ็น.ดี.อินชัวร์” หลังตัวแทนหลอกขายประกันภัยรถยนต์ให้เหยื่อกว่า 100 ราย เสียหายกว่า 2 ล้าน เผยกว่าจะรู้ก็ตอนเกิดเหตุแล้วเคลมไม่ได้ ติดต่อกลับอ้างเฉยลาออกแล้ว แถมโบรกเกอร์ปิดบริษัทหนีอีก

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (23 ม.ค.) ที่กองปราบปราม นายจักรพันธ์ กุศลสนอง อายุ 30 ปี พร้อมผู้เสียหายประมาณ 5 คน เข้าพบ พ.ต.ต.กำธร นิยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. แจ้งความดำเนินคดีต่อบริษัท ที.เอ็น.ดี.อินชัวร์ จำกัด (TND Insure Limited Partnership) เลขที่ 19/121 หมู่บ้านซิกเนเจอร์ ซอยวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. มีนายธรรมนูญ ดำแก้ว นายเฉลิมพล บัวขาว และ น.ส.พรชนิตว์ รัศมี เป็นกรรมการบริหารบริษัทข้อหาฉ้อโกง หลังถูกหลอกขายประกันภัยรถยนต์ มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดยนำเอกสาร ใบคำขอทำประกัน ใบเสร็จรับเงิน มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

นายจักรพันธ์กล่าวว่า รู้จัก น.ส.มินทร์ลดา มินโด เซลส์ขายประกันเนื่องจากเคยทำประกันภัยรถยนต์ด้วยกันมาตลอด ต่อมาเมื่อเดือนตุลาคม 2557 น.ส.มินทร์ลดติดต่อกลับมาหาว่าได้ย้ายมาทำที่บริษัท ที.เอ็น.ดี. อินชัวร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ตัวแทนขายประกันภัยรถยนต์แล้วแต่ยังสามารถทำประกันรถยนต์ได้เหมือนเดิม ซึ่งครั้งก่อนที่เคยทำประกันก็ไม่มีปัญหาใดๆ ตนจึงไว้วางใจทำประกันรถยนต์ของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ผ่านบริษัทดังกล่าว โดย น.ส.มินทร์ลดาเป็นคนดำเนินการให้ ชำระเงินค่าทำประกันผ่านบัตรเครดิต 16,000 บาท กระทั่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ รถเกิดอุบัติเหตุจึงได้ติดต่อไปที่บริษัทประกัน แต่บริษัทกลับแจ้งว่าไม่มีประวัติการทำประกันภัยไว้กับบริษัท ตนเลยเอะใจว่าน่าจะถูกโกงเงินค่าเบี้ยประกันแล้ว จึงได้ตรวจสอบไปพบว่าบริษัทดังกล่าวปิดตัวหนีไปแล้ว

นายจักรพันธ์กล่าวว่า หลังจากที่ไม่สามารถเคลมประกันรถได้ จึงได้ติดต่อไป น.ส.มินทร์ลดา แต่เจ้าตัวบอกว่าได้ออกมาจากบริษัทดังกล่าวได้ 2-3 เดือนแล้ว ก่อนที่กระบวนการทางเอกสารจะเสร็จสิ้น และไม่สามารถที่จะดูประวัติของตนได้ หลังจากนั้นก็พยายามติดต่อกลับไปทวงถาม แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้เข้าแจ้งความที่ สน.บางเขน และได้ร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และกองปราบปราม

พ.ต.ต.กำธรกล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบก่อนทำการสอบปากคำผู้เสียหาย และตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป