“ดีเอสไอ” ลุยปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐในเกาะสมุย หลังพบที่ดินจำนวนหลายแปลงมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในที่ดินบนเขาหรือภูเขา จำนวน 43 ไร่ มูลค่าความเสียหายราว 430 ล้านบาทโดยศาลมีคำพิพากษา ให้จำคุกเจ้าของโครงการสบายธานีแล้ว
วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมแถลงผลการปราบปรามการบุกรุกที่ดินของรัฐในพื้นที่ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี
สืบเนื่องจากเมื่อปี 2549 ดีเอสไอได้รับข้อมูลว่ามีกลุ่มแก๊งแบนดิดอส ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวกับค้ายาเสพติดนำเงินมาฟอกที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยการสร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และสร้างบ้านพักตากอากาศเพื่อขายให้คนต่างชาติ จากการสืบสวนพบว่ามีหลายโครงการปลูกอยู่ในที่ดินบนภูเขา และที่ดินจำนวนหลายแปลงมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในที่ดินบนเขา หรือภูเขา และที่ดินของรัฐ ต่อมาคณะกรรมการคดีพิเศษ ได้มีมติให้ดีเอสไอทำการสืบสวนสอบสวนกรณีการบุกรุกที่ดินของรัฐและการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ จำนวน 7 คดี และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สรุปส่งเรื่องให้สำนักงาน ป.ป.ช.จำนวน 5 คดี ส่วนอีก 2 คดีอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
พ.ต.ท.ประวุธกล่าวว่า ทั้งสองคดีนี้พนักงานอัยการได้ฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ที่ครอบครองที่ดินแปลงพิพาทต่อศาลอาญา และศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว
1. กรณีโฉนดที่ดินเลขที่ 18126 เนื้อที่ 16 ไร่ 1 งาน 191/10 ตารางวา หมู่ที่ 5 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี สภาพที่ดินเป็นที่เขาหรือภูเขาทั้งแปลง เป็นการออกโฉนดโดยนำเอา ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ในที่ราบห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ไปอ้างออกโฉนดโดยมิชอบ พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และศาลอาญาได้พิพากษาจำคุกเจ้าพนักงานของรัฐ 1 รายเป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน ปัจจุบันที่ดินแปลงนี้ได้ขายต่อและไปดำเนินโครงการ มีสิ่งปลูกสร้างจนเต็มพื้นที่แล้ว
2. กรณีโฉนดที่ดินเลขที่ 18718 หมู่ที่ 5 ต.ผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 15-1-86 ไร่ มีการนำเอา ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาอ้างออกรวมกับหลักฐานเดิม และออกเป็นโฉนดที่ดินดังกล่าว โดยพื้นที่ส่วนที่อ้าง ส.ค.1 นั้น เป็นที่เขาหรือภูเขาริมทะเล ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และราษฎรผู้ยื่นคำขอ ฐานะเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯกระทำผิด และฐานบุกรุกยึดถือครอบครองป่าฯ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ต่อมาศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2 ราย ให้จำคุกคนละ 9 ปี ส่วนราษฎรให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ จำคุก 6 ปี และฐานบุกรุกป่า จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 8 ปี
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินคดีต่อนายลอเร้นซ์ เจมส์ เฟย์ ชาวอังกฤษ เจ้าของโครงการสบายธานี โครงการบ้านพักตากอากาศ 14 หลัง และคอนโดมิเนียม 1 ยูนิต ตั้งอยู่บริเวณแหลมไม้แก่น ทางตอนเหนือของเกาะสมุย ติดทะเล ซึ่งเป็นที่ดินที่ราชพัสดุทั้งแปลง โดยมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และดำเนินคดีต่อนายเฟย์ในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เนื่องจากนายเฟย์ได้ทำการค้าที่ดินซึ่งเป็นธุรกิจต้องห้ามของคนต่างด้าว กรณีดังกล่าวเป็นคดีแรกของประเทศไทยที่มีการบังคับใช้กฎหมายนี้ในเรื่องการค้าที่ดิน โดยรูปแบบการกระทำผิดนี้มีการตั้งนิติบุคคลไทยขึ้นมา ซึ่งมีคนต่างด้าวถือหุ้นร้อยละ 49 และคนไทยที่เป็นนอมินีถือหุ้นร้อยละ 51 เข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ เพื่อไปทำโครงการบ้านพักตากอากาศตามเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย และขายให้กับคนต่างชาติ
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้ตัดสินปรับนายเฟย์ บริษัทสบาย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัทในเครือของนายเฟย์ จำนวน 6 บริษัท รวมเป็นเงิน 1,700,000 บาท จำคุก 4 ปี รับสารภาพลดกึ่งหนึ่งเหลือปรับ 850,000 บาท จำคุก 2 ปี โทษจำคุกรอลงอาญา
สำหรับนายเฟย์นั้น ถือได้ว่าเป็นเครือข่ายแก๊งแบนดิดอสที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการฟอกเงิน กลุ่มแบนดิดอสเป็นกลุ่มที่มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติด เข้ามาอาศัยในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ประมาณปี 2544 และได้มีกิจการหลายแห่งใน อ.เกาะสมุย โดยเชื่อว่าจะนำเงินค้ายาเสพติดมาฟอก และได้รับข้อมูลจากตำรวจต่างประเทศว่าได้นำเงินมาลงทุนในโครงการบ้านพักตากอากาศหลายแห่ง พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่บนที่เขาหรือภูเขา โดยการกระทำดังกล่าวมีความร่วมมือกับกลุ่มมาเฟียในเกาะสมุยและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง
นางสุวณากล่าวว่า ดีเอสไอสามารถรักษาผลประโยชน์ของรัฐเป็นที่ดินประมาณ 43 ไร่ (รวม 3 แปลง) มูลค่าเฉลี่ยไร่ละ 10 ล้านบาท มูลค่ารวมประมาณ 430 ล้านบาท
