“ดีเอสไอ” ออกหมายจับล่าตัว “วาเลนติโน” มาเฟียมาเลเซีย รุกที่รัฐบนเกาะยาวกว่า 1,000ไร่ หลังศาลพิพากษาจำคุกเครือข่าย 15 ปี เผยมีข้าราชการระดับบิ๊กหนุนหลังเพียบ ก่อนขยายอิทธิพลใน จ.ภูเก็ต
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 14.00 น. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อนายตัน เต็กไฮ้ นายทุนต่างชาติชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ที่ใช้นามแฝง “วาเลนติโน” และเป็นเจ้าของบริษัท จี้เลี้ยงการประมงภูเก็ต จำกัด ที่บุกรุกที่ดินของรัฐซึ่งเป็นที่ภูเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หมู่ที่ 3 ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา เนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบด้วยกฎหมายทับที่ดินดังกล่าว 51 แปลง และนำที่ดินดังกล่าวไปขอสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ BBC และธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ด้วยการเขียนโครงการบ้านพักตากอากาศ โรงแรม ศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ บนที่ดิน ต่อมาในปี2537-2538 ได้รับอนุมัติสินเชื่อจำนวน 1,800 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการดำเนินโครงการที่กล่าวมาข้างต้น ปล่อยให้เป็นสินทรัพย์เสีย จากนั้นธนาคารทั้งสองแห่งได้ปิดกิจการลงเนื่องจากสาเหตุหลักคือรับทรัพย์เหล่านั้นมาค้ำประกันเงินกู้ ทำให้เสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินคดีต่อบริษัท จี้เลี้ยงการประมงภูเก็ต จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้อง 4 คน ในความผิดร่วมกันบุกรุกที่ดินของรัฐ รวมทั้งอดีตนายอำเภอเกาะยาว และเจ้าหน้าที่ที่ดินที่ร่วมกระทำผิด รวม 10 คดี
พ.ต.ท.ประวุธเผยว่า กรณีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2557 จำคุกกลุ่มบุคคลดังกล่าวคนละ 15 ปี และลงโทษปรับบริษัทจี้เลี้ยงการประมงภูเก็ตฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ส่วนคดีอื่นๆ อีกเกือบ 10 คดีอยู่ระหว่างรอคำพิพากษา ทั้งนี้ในส่วนของนายตัน เต็กไฮ้ หรือวาเลนติโน ขณะนี้กำลังหลบหนีระหว่างประกันตัวในชั้นพนักงานอัยการอยู่ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า นายตัน หรือวาเลนติโน ถือเป็นนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามามีอิทธิพลใน จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ รวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ภูเก็ต จนแผ่ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว การดำเนินการของดีเอสไอครั้งนี้จึงเป็นการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และลดการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่มบุคคลดังกล่าว
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 14.00 น. นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อนายตัน เต็กไฮ้ นายทุนต่างชาติชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ที่ใช้นามแฝง “วาเลนติโน” และเป็นเจ้าของบริษัท จี้เลี้ยงการประมงภูเก็ต จำกัด ที่บุกรุกที่ดินของรัฐซึ่งเป็นที่ภูเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หมู่ที่ 3 ต.พรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา เนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบด้วยกฎหมายทับที่ดินดังกล่าว 51 แปลง และนำที่ดินดังกล่าวไปขอสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือ BBC และธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ด้วยการเขียนโครงการบ้านพักตากอากาศ โรงแรม ศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ บนที่ดิน ต่อมาในปี2537-2538 ได้รับอนุมัติสินเชื่อจำนวน 1,800 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการดำเนินโครงการที่กล่าวมาข้างต้น ปล่อยให้เป็นสินทรัพย์เสีย จากนั้นธนาคารทั้งสองแห่งได้ปิดกิจการลงเนื่องจากสาเหตุหลักคือรับทรัพย์เหล่านั้นมาค้ำประกันเงินกู้ ทำให้เสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินคดีต่อบริษัท จี้เลี้ยงการประมงภูเก็ต จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้อง 4 คน ในความผิดร่วมกันบุกรุกที่ดินของรัฐ รวมทั้งอดีตนายอำเภอเกาะยาว และเจ้าหน้าที่ที่ดินที่ร่วมกระทำผิด รวม 10 คดี
พ.ต.ท.ประวุธเผยว่า กรณีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2557 จำคุกกลุ่มบุคคลดังกล่าวคนละ 15 ปี และลงโทษปรับบริษัทจี้เลี้ยงการประมงภูเก็ตฯ เป็นเงิน 100,000 บาท ส่วนคดีอื่นๆ อีกเกือบ 10 คดีอยู่ระหว่างรอคำพิพากษา ทั้งนี้ในส่วนของนายตัน เต็กไฮ้ หรือวาเลนติโน ขณะนี้กำลังหลบหนีระหว่างประกันตัวในชั้นพนักงานอัยการอยู่ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า นายตัน หรือวาเลนติโน ถือเป็นนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามามีอิทธิพลใน จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ รวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ภูเก็ต จนแผ่ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว การดำเนินการของดีเอสไอครั้งนี้จึงเป็นการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และลดการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่มบุคคลดังกล่าว
