xs
xsm
sm
md
lg

ล่า “บรรพต” นปช.ตัวการหมิ่นเบื้องสูงผ่านเว็บฯ ตั้งค่าหัว 2 แสน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายหัสดิน อุไรไพรวัน ผู้ที่ใช้นามแฝง บรรพต ตัวการหมิ่นเบื้องสูง
ASTVผู้จัดการ - ตร.ขออนุมัติหมายจับผู้ที่ใช้นามแฝง “บรรพต-หัสดิน อุไรไพรวัน” หัวหน้าเครือข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงรายใหญ่ เผยยังอยู่ในประเทศ ตั้งรางวัลนำจับ 2 แสน หลังบุกค้นบ้านย่านสุขุมวิทพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสื่อผ่านเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายให้กับเครือข่าย เพื่อเป็นทุนในการเคลื่อนไหวกลุ่ม นปช.


วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่าย “บรรพต” ขบวนการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงรายสำคัญ โดยระบุว่า ล่าสุดศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับผู้ที่ใช้นามแฝง “บรรพต” คือ นายหัสดิน อุไรไพรวัน อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 ถ.วิสุทธิ์กษัตริย์ แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กทม. ในข้อหาหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปอท.ได้ผสานกำลังกันระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง และทหาร เข้าตรวจค้นบ้านพักนายหัสดินภายในซอยสุขุมวิท 101 ตรวจพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสื่อ อาทิ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์บันทึกเสียง เอกสารร่างเพื่อใช้ในการบันทึกเสียง เอกสารทางการเงิน จากการตรวจสอบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารแต่ละเดือนเป็นหลักแสนบาท คาดว่ามาจากรายได้การจำหน่ายสินค้าให้กลุ่มผู้สนับสนุน โดยหลังจากนี้จะมีการส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ทาง ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย ขณะเดียวกัน ได้มีการตรวจยึดแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมาก ที่นายหัสดินใช้ในการทำสำเนาจำหน่ายให้กับกลุ่มเครือข่ายเพื่อเป็นทุนในการเคลื่อนไหว ทั้งนี้ นายหัสดินเคยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. แต่จากการสืบสวนไม่พบว่ากลุ่ม นปช.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว เพียงแต่พบว่ามีสมาชิกในเครือข่ายนี้ที่ได้ไปร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่ม นปช.เท่านั้น

“สำหรับนายหัสดินไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่อาศัยเป็นผู้ที่ติดตามข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา จึงนำข้อมูลต่างๆ มาเรียบเรียงและแต่งเรื่องเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองเพื่อให้มีเนื้อหาดึงดูดความสนใจ แล้วชี้นำปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังต่อสถาบันฯ สำหรับวิธีการทำคลิปก็ไม่มีขั้นตอนซับซ้อน ไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก เพียงแต่ใช้โปแกรมแปลงเสียงก่อนที่จะมีการอัปโหลดไฟล์ลงเว็บไซต์รับฝากไฟล์ต่างๆ โดยมีการอัปโหลดไฟล์ในประเทศ ขณะที่ผู้ที่ติดตามหรือผู้ที่จะนำไฟล์ไปแชร์ต่อก็จะเข้าไปดาวน์โหลดคลิปเสียงดังกล่าวก่อนนำไปแชร์ต่อ” ผบก.ปอท.กล่าว

พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นได้การมีจับกุมสมาชิกระดับปฏิบัติการเพิ่มอีก 2 ราย คือ น.ส.สายฝน อินทสร อายุ 48 ปี ภรรยานายหัสดิน ได้ที่บ้านพักย่านพระโขนง และสามารถจับกุมนายนที ผสมทรัพย์ อายุ 54 ปี ได้ขณะมาทำธุระย่านฝั่งธนบุรี โดย น.ส.สายฝนเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อให้ผู้อื่นโอนเงินมาช่วยเหลือการกระทำผิด เป็นการสนับสนุนให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดในการโพสต์คลิปเสียงชื่อ “บรรพต” ทางเฟซบุ๊ก ที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันฯ นอกจากนี้ยังได้มีการอัปโหลดคลิปเสียงและโพสต์ต่อกันไปอีกหลายทอดในลักษณะเครือข่ายกระจายกันออกไปทางสื่อสังคมออนไลน์ ถือเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ส่วนนายนทีเป็นผู้ส่งสินค้า และซีดีคลืปเสียงบรรพต โดยได้รับค่าจ้าง ถือเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาฐานสนับสนุนผู้กระทำผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขณะที่เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปยื่นคำร้องเพื่อขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลทหาร

พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า สำหรับการติดตามตัวนายหัสดิน ขณะนี้ทาง ปอท.ได้มีการส่งประกาศสืบจับนายหัสดินไปยังสถานีตำรวจ และด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ โดยจากข้อมูลล่าสุดทราบว่านายหัสดินยังอยู่ในประเทศและยังหลบหนีอยู่ใน กทม. ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัว โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งรางวัลนำจับแก่ผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสแล้วนำไปสู่การจับกุมตัวได้เป็นเงินจำนวน 2 แสนบาท ทั้งนี้ อยากฝากเตือนไปยังประชาชนว่า นายหัสดินเป็นผุคคลที่เป็นภัยอันตรายอย่างยิ่ง อย่าให้การช่วยเหลือ หรือสนับสนุนเครือข่ายดังกล่าว ทั้งการบริจาคเงินซื้อสินค้า หรือโพสต์ข้อความคิดเห็นสนับสนุน หรือนำเอาข้อความ รูปภาพ คลิปเสียงไปเผยแพร่ต่อซึ่งจะถือว่ามีความผิดในฐานะผู้ร่วมเครือข่ายบรรพตด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากแนวทางการสืบสวนมีผู้ที่บงการที่อยู่เหนือกว่านายหัสดินหรือไม่ พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า จากสมมติฐานของตำรวจเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น โดยนายหัสดินเป็นเพียงผู้ผลิตสื่อเพื่อเผยแพร่ออกไป น่าจะมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือระดับผู้บงการที่สูงกว่านี้ แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวน อาจเป็นลักษณะของการสนับสนุนทางการเงินซึ่งยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากได้ตัวนายหัสดิน มาประเด็นนี้ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกันตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับสมาชิกของเครือข่ายนี้เพิ่มเติมอีกในเร็วๆ นี้

รายข่าวแจ้งว่าสำหรับนายหัสดินผู้ที่ใช้ชื่อว่า “บรรพต” โพสต์ข้อมูลที่มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันฯ เคยเป็นพนักงานโรงแรม และต่อมาได้เปิดบริษัทแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องปิดกิจการไป ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร มีการระมัดระวังตัวเองตลอดเวลาเพราะรู้ว่าถูกหมายหัวจากเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ มีข้อมูลว่านายหัสดินเคยไปเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษจึงมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี



กำลังโหลดความคิดเห็น