โฆษก ตร.ยืนยันความพร้อมปฏิรูปหลัง ผบ.ตร.สั่งตั้งคณะทำงานย่อย 6 คณะ โดยมีหน้าหารือและรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อร่วมกันพิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูลความเหมาะสมของการปฏิรูปตำรวจต่อไป
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (ผบ.ตร.) มีคำสั่งตั้งคณะทำงานกำหนดแนวทางปฏิรูปตำรวจ โดยแบ่งออกเป็นคณะทำงานย่อย 6 คณะว่า จากนี้จะเริ่มต้นเดินหน้าทำงานทันที โดยเป็นการมอบหมายให้แต่ละคณะไปศึกษาเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิรูปตำรวจตามหน้าที่ความรับผิดชอบแต่ละด้านของตนเองามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจะนำแนวทางเดิมที่ ตร.ได้เคยศึกษาไว้มาปรับใช้ ทั้งนี้จะเน้นเรื่องอำนาจการบังคับบัญชาและการกระจายอำนาจเป็นเรื่องหลักก่อน เป็นเรื่องเกี่ยวกับในโครงสร้างการกระจายอำนาจว่าควรลงไปในระดับใด ใครจะเป็นหัวหน้าใคร หน่วยงานใดจะไปขึ้นอยู่กับหน่วยงานใด อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดต้องเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้งว่าหากมีการแบ่งหรือกระจายอำนาจไปแล้วประชาชนจะได้อะไรบ้าง ต้องได้มากกว่าเสีย พร้อมกันนี้คณะทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งขึ้นมาดังกล่าวจะมีการหารือและรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อร่วมกันพิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูลความเหมาะสมของการปฏิรูปตำรวจต่อไป
“สำหรับแนวคิดที่ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีโครงสร้างการบังคับบัญชาที่ใหญ่โตเกินไปนั้น เป็นแนวคิดที่ผู้บังคับบัญชาคิดมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วตั้งแต่ยุคที่ตำรวจมีกำลังเพียง 1 แสนกว่านาย ไม่ใช่ 2 แสนนายอย่างในปัจจุบัน จะเห็นว่าได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การแบ่งกองบัญชาการออกเป็น 10 กองบัญชาการ ให้อำนาจบริหารงานภายในกันเอง โดยเป้าหมายต่อไปคือการทำให้แต่กองบัญชาการเป็นนิติบุคคลเพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนที่จะให้ตำรวจไปอยู่ภายใต้การปกครองของใครหรือกระจายอำนาจเล็กลงไปเพียงใด อยากจะให้ขึ้นกับการปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นก็ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบว่าตำรวจมีความพร้อมหรือยัง มีปัญหาตามมาหรือไม่ เช่น กรณีต้องระดมกำลังปราบปรามการกระทำผิดในหลายพื้นที่ การดูแลนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ การดูแลความปลอดภัยเรื่องของการชุมนุมใหญ่ต่างๆ จะระดมกำลังตำรวจมาจากไหน ตลอดจนการดูแลนโยบายภาพรวมจะดำเนินการได้อย่างไร ดังนั้นต้องศึกษาในภาพรวมให้ละเอียดก่อน ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องของตำรวจไม่มีใครรู้ดีเท่าตำรวจ
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงกรณี กสทช.จะมีการบังคับให้มีการจดทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกหมายเลข ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.เป็นต้นไป ว่าเชื่อว่าการจดทะเบียนดังกล่าวจะช่วยลดการนำโทรศัพท์มือถือมากระทำความผิด เพราะที่ผ่านมา การกระทำผิดจำนวนมากมาจากการใช้โทรศัพท์ที่ไม่ได้จดทะเบียน หากมีการจดทะเบียนโทรศัพท์มือถือ ตำรวจจะสามารถตามร่องรอยการกระทำผิดได้ง่ายขึ้น
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้สั่งการทุกพื้นที่เน้นย้ำเรื่องการดูแลการกระทำผิดทำร้ายนักท่องเที่ยว หรือเอาเปรียบนักท่องเที่ยว หากปล่อยปละละเลยต้องดำเนินการเด็ดขาด ส่วนกรณีแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่ชาวเกาหลี ขณะนี้ได้ส่งภาพตำรวจให้ผู้เสียหายชี้ตัวแล้ว แต่ผู้เสียหายยังไม่ยืนยัน จึงทำให้คดียังไม่มีความคืบหน้ามากนัก