ที่ประชุมก.ตร.มีมติสั่งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบกน.-สารวัตร ตามต้นสังกัดที่เสนอมา โดยเฉพาะบช.น. สั่งเด้งผกก. ออกนอกหน่วย 59 ตำแหน่งและรองผบก.อีก 14 เก้าอี้ ซึ่งเกี่ยว
โยงกับการติดตั้งป้ายโฆษณาฉาว พร้อมตั้งกรรมการสอบ ชี้เป็นเรื่องที่รัฐทำให้เสียหาย ขณะที่บช.ก.ไม่น้อยหน้า สั่งโยกพ้นหน่วยเป็นระดับรองผบก. 12 นาย ผกก.44 นาย ซึ้่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายพงศ์พัฒน์อดีตบช.ก.
วันนี้(7 ม.ค.)เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ โดยมีวาระสำคัญคือการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ (รองผบก.) ถึง สารวัตร (สว.) ประจำปี 2557 โดยหน่วยงานซึ่งเป็นที่จับตามองมากที่สุดได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้าราชการตำรวจในสังกัดดังกล่าว
ถูกตั้งข้อหาเกี่ยวข้องพัวพันกับการกระทำความผิดในหลายกรณี
สำหรับบรรยากาศการประชุมนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า พบมีนายตำรวจระดับ ผกก.ในบช.น.หลายนายมาสังเกตการณ์ในการประชุมแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวภายหลังการประชุมว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตั้งแต่ ผบก. ถึง สว. ของทุกหน่วยงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด ทั้งนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ได้เรียกผู้บัญชาการของแต่ละหน่วยงานเข้ามาชี้แจงรายละเอียดว่ามีเหตุผลใดในการโยกย้ายแต่ละตำแหน่ง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาในแต่ละหน่วยงานแต่ละภาคในการลงนามคำสั่งแต่งตั้ง ขณะที่ ก.ตร.เป็นผู้มาตรวจสอบความถูกต้องให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับต่างๆเท่านั้น ซึ่งรายชื่อทุกหน่วยงานก็เรียบร้อยดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุม ก.ตร. ได้ท้วงติงในส่วนใดหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาในแต่ละหน่วยงานเป็นผู้แต่งตั้ง ไม่ใช่ ก.ตร. ผมยังไม่รู้จักเลยว่าใครเป็นใครบ้าง จึงเรียกทางผู้บัญชาการให้มายืนยันว่าบัญชีที่ส่งมามีรายละเอียดอย่างไร ก.ตร.ก็มาตรวจสอบว่าคนไหนเป็นอย่างไร และเป็นไปตามกฎระเบียบต่างๆหรือไม่ เนื่องจากมันมีกฎระเบียบในการแต่งตั้งของ ก.ตร. เยอะอยู่แล้วที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามบัญชีของกองบัญชาการที่เสนอเข้ามา ส่วนรายชื่อจะเปิดเผยวันไหน เดี๋ยว ผบ
.ตร.จะเป็นผู้กำหนดวันให้มาลงนามพร้อมกันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงในก.ตร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก.ตร.เป็นเพียงผู้ตรวจสอบความถูกต้อง จะไม่เข้าไปก้าวก่ายใดๆทั้งสิ้น อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ท้วงติง อะไรถูกต้องก็ปล่อยไป ไม่ต้องไปสนใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีของ อดีต ผบช.ก. รองนายกฯ กล่าวว่า การเสนอชื่อแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องของ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รรท.ผบช.ก. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยงาน บช.ก. ในการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมและลงนามแต่งตั้ง ในส่วนของ ก.ตร. เพียงตรวจสอบให้ตรงตามกฎระเบียบเท่านั้น เราไม่ลงไปในรายละเอียดว่าใคร
เป็นอย่างไร เราทำด้วยความยุติธรรม และเป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง เชื่อว่าทุกกองบัญชาการได้ใช้ดุลยพินิจในการดำเนินการทุกขั้นตอนแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ต้องห่วง อย่าไปห่วงอะไรมาก ตำรวจไม่เสียกำลังใจ เขารู้ว่าผิดยังไง พวกเขาเข้าใจ ส่วนจะฟ้องก็ให้ฟ้องไป ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมก.ตร. เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบก.-สว.ทุกกองบัญชาการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี แต่กองบัญชาการที่ใช้เวลาพิจารณายาวนานที่สุดคือกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากมีผู้ที่ย้ายออกพอสมควร และมีตำแหน่งที่ย้ายเข้ามาจากหลายๆพื้นที่ และก็มีการสอบถามบ้าง โดยทั่วไปคณะกรรมการได้รับทราบบัญชีรายชื่อที่ส่งไปและให้พิจารณาก่อนแล้ว ซึ่งไม่มีการท้วงติงในเรื่องที่ค่อนข้างจะมีปัญหา ทุกอย่างเรียบร้อยดี โดยขั้นตอนวันนี้ถือว่าก.ตร.ให้ความเห็นชอบแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการที่ออกคำสั่งแต่งตั้ง แต่ละกองบัญชาการในส่วนที่ย้ายเข้ามาตนก็เป็นคนออกคำสั่งแต่งตั้ง ในส่วนที่ย้ายออกไปกองบัญชาการที่เป็นปลายทางก็มีการออกคำสั่งแต่งตั้งในส่วนของเขา นอกจากนี้ก.ตร. ไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนชื่อในที่ประชุม มีแค่อำนาจเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น แต่ก็มีการติงบางจุดเท่านั้นเอง ขณะที่ในส่วนของบช.ก. มีแค่จุดเดียว ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ก็ปรับ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามระเบียบใหม่การรับผิดชอบจริงๆ จะต้องอยู่ที่ผู้บัญชาการหรือว่าอยู่ที่ก.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เป็นส่วนๆไป คือทางกองบัญชาการก็มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ตามกฎหมายและกฎระเบียบ และตรวจสอบเรื่องของอาวุโส การครองตำแหน่ง เรื่องระเบียบต่างๆในเรื่องของการย้าย รวมทั้งคุณสมบัติเฉพาะตัว ตำแหน่ง หลังจากนั้นก็มีหน้าที่เรื่องความชอบหรือความถูกต้อง โดยไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง เสมอภาค เรื่องที่กองบัญชาการรับผิดชอบในส่วนนั้น และมีการเสนอชื่อขึ้นไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ที่จะฟ้องร้องคือฟ้องกับผู้บัญชาการแต่ละภาค ไม่เกี่ยวข้องกับก.ตร. โฆษก.ตร. กล่าวว่า ก็แล้วแต่ว่าจะฟ้องประเด็นไหน ถ้าฟ้องเยียวยาก็จะขอให้ทางก.ตร.ช่วย ก็แล้วแต่ว่าจะร้องตรงไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก.ตร.ไม่ต้องไปรับผิดชอบกับเรื่องการฟ้องร้องหรือไม่ เพราะตำรวจหลายนายยังสับสนเกี่ยวกับเรื่องว่าใครจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบพล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า อยู่ที่ว่าจะร้องหรือว่าจะขอความเป็นธรรมในส่วนไหน ถ้าส่วนที่เกี่ยวข้องกับก.ตร. ก็เป็นเรื่องของการร้องขอความเป็นธรรมกับก.ตร. ส่วนถ้าจะไปฟ้องร้องก็แล้วแต่เขาจะฟ้องต้องดูว่าฟ้องอะไร ตอนนี้ไม่ทราบว่าเขาจะฟ้องอะไรหรือเปล่า แต่ในส่วนของบช.ก. ส่วนใหญ่ไปด้วยความสมัครใจ ซึ่งมีบันทึกสมัครใจ จริงๆแล้วออกก็ไม่เยอะ รองผู้การกับผู้กำกับ รวมแล้ว 56 นาย รองผู้การ 12 นาย ผู้กำกับ 44 นาย โดยในจำนวนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอดีตบช.ก. เกือบทั้งหมด ซึ่งความเกี่ยวพันในที่นี้หมายความว่า ต้องดูว่าเรื่องไหน ในเรื่องแต่งตั้งอาจจะมีเรื่องของเป็นเจ้าหน้าที่ในการแต่งตั้ง หรือแต่งตั้งขึ้นมาโดยรวดเร็ว ก็อยู่ในตำแหน่งได้นานๆ หรือเป็นเรื่องของการเข้าไปรับรู้รับเห็นหรือนหน้าจะรับรู้รับเห็น แต่บางท่านเพื่อความสบายใจ ก็ขอทำบันทึกสมัครใจย้ายออกไปเอง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้ามาทำงาน ก็เป็นเรื่องของสปิริต
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ซื้อขายตำแหน่งในบช.ก. ส่วนนี้ถูกย้ายออกด้วหรือไม่ โฆษก.ตร. กล่าวว่า ถูกย้ายออกด้วย แต่อย่าเหมารวมกับ 56 นาย ก็มีการพิจารณารวมๆกัน แต่ละนายก็มีเหตุผลในแต่ละเรื่อง ซึ่งไม่เหมือนกัน แต่ทั้งหมดนี้ยืนยันว่าดูแล้วก็น่าจะมีการปรับย้าย เพราะเป็นเรื่องของการไว้เนื้อเชื่อใจด้วย และเป็นเรื่องของหน่วยงานความมั่นคง ต้องมีเสถียรภาพพอสมควรในเรื่องการทำงาน ในส่วนของรองสารวัตรและรองผู้กำกับที่เกี่ยวข้องกับอดีตผบช.ก. ที่ถูกย้ายออกตอนนี้ตัวเลขยังเคลื่อนไหวตลอด ไม่ทราบว่าเท่าไหร่แต่คงไม่เยอะเหมือนที่เป็นข่าว
อย่างเช่นผู้กำกับกับรองผู้การก็ไม่เยอะ เมื่อมาดูผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆแล้วไม่เท่าไหร่ ต้องเอาผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆไม่ใช่เหวี่ยงแห ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคนสารวัตรกับรองผู้กำกับน่าจะเยอะ ตัวเลขไม่น่าจะถึงร้อย
“จะมีการนัดลงนามกันก่อนวันที่ 9 ม.ค. และให้มีผลวันที่ 15 ม.ค. แต่ถ้ามีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานอื่น ก็คงจะต้องมีการนัดประชุมก.ตร.อีกครั้งในวันที่ 12 ม.ค. และก็ลงนามภายในวันนั้น ก็คงมีส่วนน้อยมากหรืออาจจะไม่มี ถ้าไม่มีส่วนนี้ก็ลงนามวันที่ 9 ม.ค. และมีผลวันที่ 15 ม.ค. ส่วน 12 ม.ค. เว้นไว้เผื่อแก้ไขเพิ่มเติม เพราะต้องตรวจในเรื่องของความถูกต้องต่างๆ ในเรื่องของอายุงาน คือเผื่อไว้กรณีที่ว่าจำเป็น” พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
***บช.น.เด้ง 59 ผกก.เข้ากรุ เซ่นพิษป้ายฉาว
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น. ) กล่าวภายหลังชี้แจงกับ ก.ตร.ว่า ตนได้เข้าไปชี้แจงทุกประเด็น จนก.ตร.เข้าใจแล้ว ทั้งนี้กรณีมีบัตรสนเท่ห์เข้ามาร้องเรียนเรื่องการแต่งตั้งในบช.น.ตนก็นำมาพิจารณา แต่ไม่มีผกก.คนใดการลงนามว่าใครร้องเรียนก็ไม่รู้จะสอบใคร เราพิจารณาข้อเท็จจริงในบัตรสนเท่ห์ แต่ก็ไม่พบข้อเท็จจริง ทั้งนี้การแต่งตั้งในบช.น.ชี้แจงไปว่าทำตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 88/2557 และตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2557 มาตรา ที่ 57 นำข้อเท็จจริงประกอบกฎหมาย ส่วนกรณีตำรวจที่บกพร่องจากกรณีติดตั้งป้ายโฆษณาก็ได้ชี้แจงเหตุที่โยกย้ายไปว่าเป็นกลุ่มที่ถูกดำเนินการทางวินัย ซึ่งเป็นกลุ่มน้อย เหตุผลหลักในการเสนอโยกย้ายในบช.น.ตามที่ชี้แจงต่อก.ตร.ประกอบด้วย 1.ความเหมาะสมในการวางตัวบุคคลในภารกิจรับเสด็จฯ 2.ในสน.ที่มีปริมาณคดีอาญากรณีเหตุการณ์ชุมนุม 2557 จำนวนมากจึงจำเป็นต้องแต่งตั้ง ผกก.ที่มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถในงานสอบสวน มาสอบสวนสำนวนที่ค้างอยู่เสร็จสิ้น 3.การรายงานข้อมูลจากหน่วยความมั่นคง 4.ข้อมูลถูกดำเนินการทางวินัย จากกรณีถูกจับกุมอบายมุขเป้าหมายตามนโยบายหลักของตร. กรรีถูกดำเนินการทางวินัยกรณีป้ายโฆษณา และกรณีดำเนินการทางวินัยอื่นๆ และ 4.นำผลการปฏิบัติงานดีเด่นกรณีได้รับรางวัลดีเด่นต่างๆมาพิจารณา เห็นได้ว่าเรื่องป้ายโฆษณาเป็นเรื่องย่อยๆ ทุกตำแหน่งพิจารณาตามเกณฑ์เหล่านี้
ผบช.น.กล่าวว่า บช.น.ได้พิจารณาแต่งตั้งออกนอกหน่วยทั้งสิ้น 73 ตำแหน่ง สับเปลี่ยนจากนอกหน่วยเข้าในหน่วย 68 ตำแหน่ง แยกเป็นระดับ รองผบก.ออกนอกหน่วย 14 ตำแหน่ง สมัครใจ 6 ตำแหน่งไม่สมัครใจ 8 ตำแหน่ง ผกก.ออกนอกหน่วย 59 ตำแหน่ง กรณีไม่สมัครใจ 44ตำแหน่ง สมัครใจ 15 ตำแหน่ง เฉพาะกรณีป้ายโฆษณา ในระดับผกก. ไม่สมัครใจย้ายออก 38ตำแหน่ง สมัครใจ 7 ตำแหน่ง กลุ่มที่ไม่สมัครใจแต่เรามีเหตุผลที่ย้ายเพราะมีความบกพร่อง ทั้งนี้ก.ตร.เห็นชอบทุกตำแหน่ง กำชับว่าทำตามกฎระเบียบ โดยระดับรองผกก.และสารวัตรก็พิจารณาด้วยเกณฑ์เดียวกัน หากกระทบเรื่องป้ายฯก็พิจารณาเป็นเรื่องๆไป
การแต่งตั้งครั้งนี้ผมพิจารณาโดยยึดประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ผมมีหน้าที่ดูแลหน่วยให้เรียบร้อย แต่งตั้งตามอำนาจหน้าที่ ยืนยันไม่มีเถยจิต(แปลว่า จิตคิดจะขโมย, ความคิดที่จะลัก หมายถึงความคิดจะถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขามิได้ให้ ด้วยอาการแห่งโจร คือมีเจตนาลัก ฉ้อ โกง ตระบัด เป็นต้น)กับใคร ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน หากมีการฟ้องร้องก็ต้องรับสภาพ เป็นตำรวจ หนีไม่ได้ ผมว่าผมทำด้วยความเป็นธรรม ผมว่าแต่งตั้งถูกแล้วดำเนินการด้วยประโยชน์สูงสุดแล้ว ไม่มีเถยจิตกับใครเพราะผมไม่รู้จักใคร ผมยืนยันคนที่ย้ายไป 100เปอร์เซ็นต์
ถูกตั้งกรรมการหมด ล้วนเป็นเรื่องที่รัฐเสียหายทั้งสิ้น” ผบช.น.กล่าว
เมื่อถามว่า ในบัตรสนเท่ห์มีการตั้งข้อสังเกตว่าจงใจตั้งกรรมการ เพื่อหวังผลโยกย้าย พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งในนครบาล เมื่อตรวจสอบพบมีการรับเงินมิชอบ จึงรายงาน ตร. แล้วตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว ใครจะมองอย่างไรก็แล้วแต่ตนย้ำว่าไม่เกี่ยวทุกตำแหน่งเพื่อประโยชน์ชาติบ้านเมือง ถ้าอยู่ในตำแหน่งแล้วปล่อยให้บุกรุกที่ของรัฐหาประโยชน์คนนั้นก็ควรพิจารณาตัวเอง การแต่งตั้งทำตามกระบวนการ ทั้งนี้ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับป้ายบางคนก็ไม่ถูกโยกย้ายด้วยเหตุผลอื่นประกอบ เป็นคนทำงานดีก็ไม่ถูกย้าย ทำตามประกาศ คสช. ทั้งนี้มีผกก.2 รายที่ดีรับรางวัลโรงพักดีเด่น แต่ไม่พิจารณาเลื่อนเป็นรองผบก.เนื่องจากถูกตั้งกรรมการเรื่องป้ายฯส่วนโรงพักดีเด่น รายอื่นๆและกลุ่มที่อาวุโสได้ขึ้นหมด
ผบช.น. กล่าวว่า ในที่ประชุม ประธานก.ตร.พูดว่าก.ตร.มีหน้าที่ทักท้วงให้เป็นไปตามระเบียบ ตนก็เรียนว่าทำตามระเบียบ ที่สงสัยก.ตร.จะถามเป็นรายๆ ก.ตร.ได้บอกว่าหากมีการฟ้องร้อง ผบช.ต้องรับผิดชอบ ตนก็พร้อมรับผิดชอบ ยืนยันทำตามกฎหมายระเบียบ ผมทำตามระเบียบตนไม่ยอมติดคุกหรอก หากทำตามกฎหมายแล้วไม่เป็นธรรมแล้วอะไรจะเป็นธรรมอีก กติกากลางมีจะเอาตามใจไม่ได้