xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.ยันไม่ก้าวก่ายโยกย้าย ผกก.67 โรงพัก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แฟ้มภาพ
"สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง" เผยบัญชีโยกย้าย ผกก.67 โรงพัก เซ่นป้ายโฆษณาป้อมจราจร เป็นดุลยพินิจของผบช.น. ยันไม่ก้าวก่ายหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่ง เชื่อมีเหตุผลรองรับ

วันนี้ (4 ม.ค.) ที่รพ.ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เสนอบัญชีโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับ (ผกก.) จำนวน 67 โรงพักจาก 88 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ให้สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา จากกรณีถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาบนป้อมจราจรก่อนหน้านี้ ว่า เรื่องดังกล่าวต้องดูที่เหตุผลของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ว่าการที่ได้ใช้เหตุผลกรณีเรื่องป้ายโฆษณานั้นเป็นเหตุผลที่เป็นธรรมหรือไม่ หรือมองแล้วเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ต้องรอดูเหตุผลที่ ผบช.น. จะชี้แจงอีกครั้ง ถ้ามีเหตุผลว่าบุคคลที่เข้าข่ายถูกย้ายออกนอกหน่วยดังกล่าว ได้กระทำความผิดถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผิดวินัยหรือถูกลงโทษแล้วต้องย้ายก็ถือเป็นดุลยพินิจของผบช.น ตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย เพราะถือเป็นอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในหน่วยงาน ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ไปพิจารณาหรือเปลี่ยนแปลงรายชื่อคำสั่งแต่อย่างใด โดยรายชื่อตำรวจระดับ ผกก. ที่ ผบช.น. เสนอนั้นจะต้องเข้าสู่ที่ประชุม ก.ตร. เพื่อทราบและพิจารณาต่อไป

ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีตำรวจที่อยู่ในข่ายถูกโยกย้ายรวมตัวเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ ผบ.ตร.และ รอง ผบ.ตร. ในฐานะคณะกรรมการ ก.ตร. เพื่อขอให้ทบทวนคำสั่งของ ผบช.น. นั้น ตนก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง โดยที่ผ่านมาได้มีนายตำรวจระดับ ผกก. ที่เข้าข่ายบางนายได้เข้ามายื่นหนังสือร้องเรียนกับตน ซึ่งตนก็ได้ส่งเรื่องไปให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลดำเนินการพิจารณาให้ความเป็นธรรมตามคำร้องเรียนดังกล่าว ซึ่ง ผบช.น. เองก็คงต้องให้คำชี้แจงว่ามีเหตุผลใดที่จะต้องโยกย้ายหรือไม่โยกย้ายใครต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถมาร้องเรียนโดยตรงต่อ ผบ.ตร. ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในเมื่อเขามายื่นหนังสือตนก็ต้องรับไว้เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชา และเมื่อยื่นมาแล้วก็ต้องดำเนินการส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบไปทบทวนแก้ไขเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป ซึ่งเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนก็ได้เรียก ผบช.น. มาพบเพื่อมอบหนังสือที่ตนได้รับการร้องเรียนไปดำเนินการ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ทราบรายชื่อผู้ที่จะถูกโยกย้ายในพื้นที่ บช.น. ว่ามีทั้งสิ้นกี่นาย แต่หากมีใครเข้ามาร้องเรียนก็ยินดีรับเรื่องและจะดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาเหตุผลด้วย จะใช้วิธีพวกมากลากไปไม่ได้ เพราะการจะมาชุมนุมหรือร้องเรียนต้องไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นถูกต้องหรือไม่ และถ้าผลการสอบสวนออกมาว่าผิดจริง จะยอมรับหรือไม่ นี่คือสิ่งที่สำคัญ ตนเชื่อว่าผู้บังคับบัญชาทุกกองบัญชาการไม่มีใครกล้าไปกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่มีเหตุอันควร เพราะปัจจุบันมีช่องทางดำเนินการฟ้องร้องได้หลายรูปแบบหากได้รับความไม่เป็นธรรม ทั้งร้องต่อศาลปกครองหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้ ทุกอย่างต้องมีเหตุผล

"ส่วนกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร (สว.) ที่กำลังจะมีการประชุม ก.ตร.ในวันที่ 7 ม.ค.นั้น การจัดทำบัญชีรายชื่อทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบและดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาแต่ละกองบัญชาการในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้ง เป็นเพียงผู้ให้เห็นชอบเท่านั้น จะให้สิทธิ์ในการพิจารณาแก่กองบัญชาการต่างๆอย่างเต็มที่ โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพียงแต่จะให้นโยบายว่า ขอให้ดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมและเป็นธรรม ให้ยึดระเบียบข้อบังคับและหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง" ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า หากมีการโยกย้ายจำนวนมากตามที่มีกระแสข่าวนั้นเกิดขึ้นมาจากความผิดของผู้ถูกโยกย้าย ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดเอง ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับและดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ถ้าเป็นการโยกย้ายโดยมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งหรือล้างบางนั้น ส่วนตัวขอยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งก็สามารถไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้ ทั้งนี้การหมุนเวียนสับเปลี่ยนตำแหน่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่การโยกย้ายทุกตำแหน่งต้องมีเหตุผลรองรับ ส่วนตัวเชื่อว่าผู้บัญชาการแต่ละกองบัญชาการจะต้องมีเหตุผลสามารถตอบคำถามสังคมได้ว่าการโยกย้ายเป็นเพราะเหตุผลใด ขณะเดียวกันหากผู้กระทำผิดแล้วถูกโยกย้ายก็ไม่ควรกล่าวหาว่าถูกกลั่นแกล้งรังแก แต่ควรถามตัวเองก่อนว่าเคยกระทำความผิดอะไรไว้หรือไม่ ถ้าผิดจริงก็ไม่ควรไปโทษหรือไปให้ร้ายผู้ที่โยกย้ายว่ากลั่นแกล้ง ต้องยอมรับกฎกติกากันบ้าง อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าผู้บัญชาการทุกหน่วยมีวุฒิภาวะและมีเหตุผลเพียงพอ ไม่มีการกลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีเกิดขึ้นแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น