xs
xsm
sm
md
lg

ศาลพระโขนง-ศาลทหาร อนุมัติหมายจับ 3 แก๊งอุ้มรีดหนี้เครือข่าย “พงศ์พัฒน์”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (แฟ้มภาพ)
สน.วัดพระยาไกร ขอศาลพระโขนงอนุมัติหมายจับเครือข่าย “พงศ์พัฒน์” ทั้งเจ้าหนี้-แก๊งอุ้ม 2 คน ศาลทหารอีก 1 คน เจอข้อหาหมิ่นสถาบันด้วยทั้ง 3 ราย

จากกรณีเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ได้อุ้มนายวิทยา ปัญญาทวีกูล โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่เพื่อไปเจรจาชำระหนี้ที่ติดค้างกับนายปรีชา ดาราไตร กระทั่งมีการแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พระโขนง จนสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุแล้ว 5 คน นำตัวฝากขังศาลจังหวัดพระโขนงเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีรายงานว่าพนักงานสอบสวน สน.พระโขนงได้ยื่นขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คนซึ่งเป็นคนจ้างวานกับคนร่วมขบวนก่อเหตุ ที่ศาลจังหวัดพระโขนง เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.

วันนี้ (4 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลจังหวัดพระโขนงได้อนุมัติหมายจับเลขที่ ส.622/2557 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2557 นายปรีชา ดาราไตร อายุ 44 ปี นักธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์มือสอง ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ซึ่งพฤติกรรมของนายปรีชานั้นเป็นบุคคลจ้างวานกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ศาลจังหวัดพระโขนงยังได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 623/2557 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2557 นายไพเชษฐ์ เมธิสริยพงศ์ อายุ 45 ปี เป็นผู้ร่วมก่อเหตุ โดยเป็นผู้ที่พานายปรีชาไปติดต่อจ้างวานกลุ่มผู้ต้องหา 5 คนที่ถูกจับกุมไปแล้ว และเป็นผู้ให้ที่พักอาศัยในการอุ้มผู้เสียหายไปเจรจา ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนมาดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบการลงมือก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหาในที่อื่น พบข้อมูลว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยก่อเหตุทวงหนี้ในลักษณะเดียวกับพื้นที่ สน.พระโขนง และ สน.วัดพระยาไกร ทั้งยังมีรายงานข่าวว่า หลังศาลจังหวัดพระโขนงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองแล้วนายปรีชาได้ติดต่อประสานมายัง สน.พระโขนง เพื่อขอเข้ามอบตัว แต่ยังไม่ระบุวันเวลาหรือสถานที่

นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวอีกว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ธ.ค. ทางพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้เดินทางไปศาลทหารเพื่อขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 ราย หมายจับศาลทหาร เลขที่ ก.139/2557 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 จากภาพสเกตช์คนร้ายเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ (ชื่อเล่นเจี๊ยบ) ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

ทั้งนี้ เนื่องจากทางตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับมาก่อนหน้าว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ชักจูงให้ทางนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ต้องหามารู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหา แล้วมีการว่าจ้างเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตำรวจจะเร่งรัดสำนวนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น