xs
xsm
sm
md
lg

รวบเพิ่ม 2 แก๊งทวงหนี้ก๊วน “พงศ์พัฒน์” ตามหมายจับหมิ่นเบื้องสูง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


รวบ2 ใน8 ผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูงรีดทรัพย์ เครือข่ายอดีตผบช.ก. ระบุเป็นคนขับรถและรับส่งเอกสารส่วยได้ค่าจ้างเดือนละ 8 พัน สารภาพในวันเกิดเหตุรับงานจาก “ชากานต์ ภาคภูมิ” ให้เชิญตัวผู้เสียหายมา แลกกับค่าตอบแทน 4,000 บาท

วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร แถลงผลการจับกุม นายชลัช โพธิราช (เสื้อสีขาว) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารที่ 128/2557 ลงวันที่ 28 พ.ย. 57 และ นายณัฐนันท์ ทานะเวช (เสื้อลายสีขาว) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารที่ 132/2557 ลงวันที่ 28 พ.ย. 57 พร้อมของกลาง อาวุธปืน จำนวน 3 กระบอก ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำใด ไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้หน้าบ้านเลขที่ 3 ซอยสุทธิพงศ์ 4 แขวง/เขตดินแดง กทม.

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวได้ก่อเหตุในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร ซึ่งเป็นผู้ต้องหา 2 ใน 8 ราย ที่ร่วมกันก่อเหตุทวงหนี้ หรือที่เคยนำเสนอข่าวไปแล้ว ส่วนการจับกุมครั้งนี้ เป็นการประสานงานระหว่างผู้ต้องหาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตำรวจนครบาล 5

พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ กล่าวต่อว่า เมื่อคืนที่ผ่านมานายชลัช และ นายณัฐนันท์ ได้ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนบก.น.5 ให้มาเจอที่หน้าบ้านเลขที่ 3 ซอยสุทธิพงศ์ 4 แขวง/เขตดินแดง กทม. เพื่อขอตรวจสอบว่ามีชื่อในหมายจับหรือไม่ ต่อมาเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองมาถึงที่นัดหมายทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายจับและทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายณัฐนันท์ ทำหน้าที่คอยรับ - ส่งเอกสาร เมื่อได้รับคำสั่ง ส่วน นายชลัช ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ นายชากานต์ ภาคภูมิ ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีต ผบช.ก.

พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล พักอยู่ที่คอนโดริเวอร์ หรือ ลัดดาวัลย์ ซึ่งนายชากานต์ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่คอนโดดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเช้า จนกระทั่งช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นายชากานต์และพรรคพวกบุกไปทุบกระจกรถนายบัณฑิต ก่อนจะฉุดกระชาก จนชาวบ้านละแวกดังกล่าวมาดู พร้อมกันนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวทั้งคู่ไปสอบสวนที่ สน.วัดพระยาไกร และแจ้งข้อหามีอาวุธปืน ก่อนะจะปล่อยตัวไป จากนั้นนายบัณฑิต และกลุ่มผู้ต้องหานัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านพุทธมณฑล เพื่อพูดคุยไกล่เกลี่ยหนี้สินจำนวน 120 ล้าน เหลือ 20 ล้านบาท แต่นายบัณฑิตไม่ยอม จึงเกิดการต่อสู้ ขณะเดียวกัน นายนพพร ศุภพิพฒน์ เสนอข้อตกลงว่าหากกลุ่มผู้ต้องหาข่มขู่นายบัณฑิตได้สำเร็จ มีส่วนแบ่งให้ 10% ทันที

ด้าน นายชลัช ให้การว่า ในวันเกิดเหตุตนได้รับมอบหมายงานจากนายชากานต์ ภาคภูมิ ให้เชิญตัวผู้เสียหายมา โดยการเชิญตัวครั้งนี้ได้รับค่าตอบแทน 4,000 บาท ส่วนเหตุผลที่ต้องเชิญตัวผู้เสียหายไปคืออะไรนั้นไม่ทราบ ตนเป็นเพียงคนขับรถ มีหน้าที่คอยรับคำสั่งจาก นายชากานต์ ภาคภูมิเท่านั้น แต่ยอมรับว่าตนเคยเจอหนึ่งในบุคคลนามสกุลอัครพงศ์ปรีชาจริง แต่ไม่เคยคุย ตนทำหน้าที่แค่คอยขับรถให้นายชากานต์ ภาคภูมิเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้จัก นายชากานต์ ภาคภูมิ ได้อย่างไร นายชลัช ตอบว่า พี่ที่รู้จักเป็นคนแนะนำให้ไปสมัครงานเป็นคนขับรถ ซึ่งทำมาได้ปีกว่า ได้เงินเดือนๆ ละ 8,000 บาท

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง ผกก.6.บก.ป. เคยเชิญตัวมาสอบสวนแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เมื่อเชิญตัวมาสอบอีกครั้ง ไม่ได้รับการตอบรับใดๆจาก พ.ต.ท.ทรงรักษ์ จึงคาดว่าจะหวาดกลัว และหลบหนีไปแล้ว เบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันเรียบร้อย หากไม่มารายงานตัวเกิน 15 วัน จะถือว่าขาดราชการทันที




กำลังโหลดความคิดเห็น