วิทยา เทศขุนทดผู้ต้องหาร่วมแก๊งอุ้มลดหนี้ 120 ล้านเหลือ 20 ล้านบาท สน.วัดพระยาไกร เข้ามอบตัว สารภาพได้ค่าจ้าง 4 พัน ให้ดูแลความปลอดภัย และเจรจากับผู้เสียหาย แต่ไม่ลงตัวจึงทำร้ายร่างกาย-ทุบรถ ประวุฒิ ถาวรศิริเผยขออนุมัติหมายจับอีก 2 ราย ทั้งลูกหนี้-ผู้ว่าจ้าง
เมื่อเวลา 21.00 น. วานนี้(1ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 และพ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร แถลงการจับกุมนายวิทยา หรือแท็ค เทศขุนทด อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับทหารที่ 129/2557 ลงวันที่ 28 พ.ย. 57 ความผิดร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า นายวิทยา 1 ในผู้ต้องหาทั้ง 8 รายที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าสถานีไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. กรณีทำร้ายร่างกายนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ข่มขู่ให้ลดหย่อนหนี้ของนายนพพร ศุภพิพฒน์ จาก 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายศาลออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 ราย คือ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ที่เป็นลูกหนี้ของผู้เสียหาย และผู้ว่าจ้างให้กลุ่มของผู้ต้องหามาทำร้ายร่างกายและข่มขู่ เพื่อลดหย่อนหนี้สินให้ หากข่มขู่จนผู้เสียหายยอมลดหนี้ให้ อ้างว่าจะให้ค่าตอบแทน 10% และนายสุทธิศักดิ์ สุวะดี(หรืออัครพงศ์ปรีชา) ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวกรณีทวงหนี้ในพื้นที่สน.พระโขนง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะอายัติตัวมาดำเนินคดีด้วย
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนสงอ.ณธกร ยาศรี อายุ 29 ปี และส.อ.ธีรพงศ์ ช่อจำปี อายุ 28 ปี มีนายทหารพระธรรมนูญควบคุมไปสอบสวนตามกฎอัยการศึก ไม่ต้องควบคุมตัวมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการสอบปากคำเพิ่มเติม สามารถไปสอบได้ที่เรือนจำ
ด้านนายวิทยา ให้การว่า ตนรู้จักกับนายชากานต์ ภาคภูมิ เพราะเคยไปสมัครเป็นการ์ดในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา ซึ่งในวันเกิดเหตุตนได้รับเงินค่าจ้างจากนายชากานต์ 4,000 บาท ให้ดูแลความปลอดภัย และเจรจากับผู้เสียหายเท่านั้น แต่เมื่อเจรจาไม่ลงตัว ตนจึงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย และคว้าท่อนเหล็กมาทุบกระจกรถของผู้เสียหาย ส่วนเหตุที่เข้ามอบตัว ตนได้เบอร์โทรศัพท์ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสมาจากอินเตอร์เน็ต จากนั้นผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็ติดต่อมายังบช.น. เจ้าหน้าที่จึงมารับตัวไปดำเนินคดี ส่วนอาวุธปืน 3 กระบอก เป็นของเพื่อนที่มาจำนำไว้ ถูกแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตที่สน.วัดพระยาไกร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวนายวิทยา ไปควบคุมตัวที่สน.วัดพระยาไกร และไปฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพฯวันนี้(2 ธ.ค.)
เมื่อเวลา 21.00 น. วานนี้(1ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.วิสูตร ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 และพ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร แถลงการจับกุมนายวิทยา หรือแท็ค เทศขุนทด อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับทหารที่ 129/2557 ลงวันที่ 28 พ.ย. 57 ความผิดร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือยอมจำนนต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า นายวิทยา 1 ในผู้ต้องหาทั้ง 8 รายที่เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าสถานีไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. กรณีทำร้ายร่างกายนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ข่มขู่ให้ลดหย่อนหนี้ของนายนพพร ศุภพิพฒน์ จาก 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายศาลออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 ราย คือ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ที่เป็นลูกหนี้ของผู้เสียหาย และผู้ว่าจ้างให้กลุ่มของผู้ต้องหามาทำร้ายร่างกายและข่มขู่ เพื่อลดหย่อนหนี้สินให้ หากข่มขู่จนผู้เสียหายยอมลดหนี้ให้ อ้างว่าจะให้ค่าตอบแทน 10% และนายสุทธิศักดิ์ สุวะดี(หรืออัครพงศ์ปรีชา) ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวกรณีทวงหนี้ในพื้นที่สน.พระโขนง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะอายัติตัวมาดำเนินคดีด้วย
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนสงอ.ณธกร ยาศรี อายุ 29 ปี และส.อ.ธีรพงศ์ ช่อจำปี อายุ 28 ปี มีนายทหารพระธรรมนูญควบคุมไปสอบสวนตามกฎอัยการศึก ไม่ต้องควบคุมตัวมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการสอบปากคำเพิ่มเติม สามารถไปสอบได้ที่เรือนจำ
ด้านนายวิทยา ให้การว่า ตนรู้จักกับนายชากานต์ ภาคภูมิ เพราะเคยไปสมัครเป็นการ์ดในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา ซึ่งในวันเกิดเหตุตนได้รับเงินค่าจ้างจากนายชากานต์ 4,000 บาท ให้ดูแลความปลอดภัย และเจรจากับผู้เสียหายเท่านั้น แต่เมื่อเจรจาไม่ลงตัว ตนจึงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย และคว้าท่อนเหล็กมาทุบกระจกรถของผู้เสียหาย ส่วนเหตุที่เข้ามอบตัว ตนได้เบอร์โทรศัพท์ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสมาจากอินเตอร์เน็ต จากนั้นผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็ติดต่อมายังบช.น. เจ้าหน้าที่จึงมารับตัวไปดำเนินคดี ส่วนอาวุธปืน 3 กระบอก เป็นของเพื่อนที่มาจำนำไว้ ถูกแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตที่สน.วัดพระยาไกร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวนายวิทยา ไปควบคุมตัวที่สน.วัดพระยาไกร และไปฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพฯวันนี้(2 ธ.ค.)