บช.น.จัดชุดไล่ล่า “นพพร” เสี่ยพันล้าน ผู้ต้องหาก๊วน “พงศ์พัฒน์” เผยหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ผ่านด่านบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ไปเขมร ด้านโฆษกตร.ระบุ"รอง ทรงรักษ์"ยังไม่เข้ารายงานตัว ยัน"นพพร" ใช้บริการแก๊ง"พงศ์พัฒน์" อุ้มเจรจาตต่อรองหนี้จาก 120 ล้านเหลือ 20 ล้าน ศาลอนุมัติหมายจับเพิ่ม 2 นักธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์มือสอง จ้างวานอุ้มทวงหนี้
วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีติดตามจับกุมตัวนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ที่ 138/2557 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองศ์ จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นว่า นายนพพรได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เวลา 05.00 น. โดยเดินทางจากด่านบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ไปประเทศกัมพูชา โดยเดินเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติ คาดว่าจะเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 ทั้งนี้ได้จัดชุดสืบสวนติดตามจับกุมนายนพพร 3 ชุด คือ โดยให้ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.เป็นหัวหน้าของศูนย์สืบสวน และให้ พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน บก.น.5 และชุดสืบสวน สน.วัดพระยาไกร เพื่อเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาหากเดินทางกลับมาในประเทศไทยให้จับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
“ส่วนการขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มคดีทวงหนี้นั้น พนักงานสอบสวน สน.พระโขนงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่ม 2 ราย คือ นายปรีชา ดาราไตร ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ และนายไพเชษฐ์ เมธีอริยะพงศ์ เจ้าของบ้านที่อุ้มผู้เสียหายไปเจรจา อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบการลงมือก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหาในที่อื่นๆ นั้นยังพบข้อมูลระบุว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมีการก่อเหตุทวงหนี้ในลักษณะเดียวกับพื้นที่ สน.พระโขนง และ สน.วัดพระยาไกร โดยวันนี้ (3 ธ.ค.) อาจจะมีการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมที่ บช.น. หากพบว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาจริงก็จะมีการดำเนินคดีด้วย” พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวพ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผกก.6บก.ป. ขณะนี้ยังไม่ได้มีการติดต่อเข้ามารายงานตัวแต่อย่างใด อยู่ระหว่างการประสาน และได้ออกหมายเรียกไปแล้ว โดยส่งหมายเรียกไปตามภูมิลำเนาของ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน โดยให้มารายงานตัวในวันที่ 9 ธ.ค. นี้ ในส่วนของการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ นั้น ขณะนี้มีเพียงการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย ที่สน.พระโขนง ซึ่งยังไม่มีการออกหมายจับหรือหมายเรียกใครเพิ่มเติม อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของการติดตามจับกุมตัวนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารที่ 138/2557 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองศ์ จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นนั้น ขณะนี้ชุดสืบสวนได้เร่งดำเนินการจับตัวนายนพพรมาดำเนินคดี ส่วนมูลเหตุตัวเงิน 120 ล้านบาทนั้น มาจาก ก่อนหน้านี้ นายนพพร และนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้ร่วมลงทุนธุรกิจกัน ภายหลังนายบัณฑิตต้องการเงินที่ร่วมลงทุนคืน แต่ทางนายนพพรต้องการจ่ายเงินคืนเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จึงได้มีการต่อรองกัน และนายนพพรจึง ได้เรียกใช้บริการกลุ่มทวงหนี้ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองล่าสุด นายนพพร ได้เดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเครื่องบินส่วนตัวมาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จากนั้นก็ไม่พบข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศผ่านช่องทางของตม.แต่อย่างใด