ทหารร่วมกองปราบรวบตัวผู้แอบอ้างเบื้องสูง ตามข้อกล่าวหาของอดีตประธานสำนักเลขาธิการเทิดไท้องค์ราชัน เรียกรับผลประโยชน์เสียหายหลายพันล้าน
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ (พล.ม.2) และ พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายชัยรินทร์ ขาวคม เลขาธิการสำนักงานเทิดไท้องค์ราชัน ตามกฎอัยการศึก หลังถูกกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้ที่ย่านบางรัก พร้อมของกลางทองคำหนัก 1 กิโลกรัม ขณะกำลังขับรถเก๋งหลบหนีไปต่างจังหวัด นอกจากนี้ ได้จับกุม น.ส.พิชญากัญญ์ วิชัยดิษฐ์ อายุ 35 ปี พร้อมของกลางหนังสือเดินทางเล่มน้ำเงิน ปืนพกสั้น 2 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่ย่านลาดกระบัง
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ หม่อมราชวงศ์ สมลาภ กิติยากร อดีตประธานสำนักเลขาธิการเทิดไท้องค์ราชัน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ว่า นายชัยรินทร์ และ น.ส.พิชญากัญญ์ ได้นำชื่อสำนักงานไปแอบอ้างเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ตนจึงได้ลาออกจากประธานสำนักงานฯ แล้วเข้าแจ้งความดังกล่าว
จากการสืบสวนทราบว่า นายชัยรินทร์ และ น.ส.พิชญากัญญ์ ได้นำสถาบันฯไปแอบอ้างทำโครงการหลายโครงการทั่วประเทศ เช่น ไปขอใช้อาคารของ บริษัท กสท โทรคมนาคม หรือ แคท เทเลคอม ชั้น 29 เลขที่ 72 ถ.เจริญกรุง แขวงและเขตบางรัก เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่จ่ายค่าเช่า หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถวิ่งเต้นโยกย้ายรัฐมนตรี นายทหาร นายตำรวจ และข้าราชการต่างๆ หลอกสร้างพระพุทธรูปทองคำที่ประเทศอินเดีย จัดงานการกุศลต่างๆ แอบอ้างขอถ้วยรางวัล รวมทั้งเปิดสถาบันสอนหลักสูตรปริญญาโท ปริญญาเอก โดยที่กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้รับรอง
นอกจากนี้ นายชัยรินทร์ ยังได้นำรถเก๋งมาทำเป็นรถนำขบวน แล้วทำเรื่องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารมาดูแลความปลอดภัย และยังหลอกว่าสามารถขอหนังสือเดินทางเล่มน้ำเงินได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทราบอีกว่า ชัยรินทร์ ยังเป็นเลขาธิการสำนักงานใต้ร่มพระบารมี ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อหลายราย มูลค่าความเสียหายรวมหลายพันล้านบาท ซึ่งเจ้าทุกข์อยู่ระหว่างเตรียมแจ้งความดำเนินคดีหลายราย โดยในส่วนของบริษัท แคท เทเลคอม นั้น มียอดความเสียหายเกือบ 30 ล้านบาท จะเข้าแจ้งความดำเนินคดี นายชัยรินทร์ กับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.)
โดย นายชัยรินทร์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องขัดแย้งภายในสำนักงาน คนที่ตั้งสำนักงานมากล่าวหาตนซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติ ยืนยันว่า ตนไม่เคยไปรับเงินบริจาค หรือหลอกลวงตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งเงินที่นำมาใช้ในโครงการตนยังต้องนำเงินของภรรยามาดำเนินการเอง ซึ่งตนรู้สึกเสียใจที่ถูกกล่าวหาเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ตนทำงานนี้ด้วยจิตอาสา ไม่ได้มีเงินเดือนแต่อย่างใด