ทหาร - ตร. สนธิกำลังพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับค้นหาโลหะและวัตถุระเบิดมาเสริม เข้าค้นเรือนจำคลองเปรม บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ยึดได้ทั้งโทรศัพท์มือถือ อาวุธประดิษฐ์และยาบ้า ระบุราคาโทรศัพท์ในคุกเครื่องละ 3 แสนบาท
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่เรือนจำคลองเปรม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ ผบช.เรือนจำกลางคลองเปรม พ.อ.จิรศักดิ์ พรรังสฤษฏ์ รองผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 1 และเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมตรวจค้นเรือนจำคลองเปรม (แดน 2 และแดน 3) พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ไอโฟน และยี่ห้ออื่นๆ จำนวน 20 เครื่อง พร้อมสายชาร์ท ชุดหูฟัง หูฟังแบบไร้สาย เครื่องเล่นไอพอด 1 เครื่อง เครื่องเล่น MP 4 จำนวน 1 เครื่อง แบตเตอรี่สำรอง 1 เครื่อง อาวุธมีด 30 เล่ม มีดคัตเตอร์ 5 เล่ม กรรไกร 9 อัน ของมีคมอื่นๆ ที่ทำขึ้นเองเพื่อใช้เป็นอาวุธ 23 ชิ้น ธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 5 ฉบับ รวม 500 บาท ยาบ้า 2,596 เม็ด และยาไอซ์ 271 กรัม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ได้ทำการควบคุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ พร้อมของกลางยาบ้า 2,596 เม็ด และยาไอซ์ 271 กรัม จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงทำการสอบสวนขยายผลว่า จนทราบว่ามีนักโทษชื่อนายเต่า เป็นผู้สั่งการมาจากภายในเรือนจำกลางคลองเปรม เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอความร่วมมือในการเข้าตรวจค้น เพื่อที่จะตรวจหายาเสพติด ตลอดจนเครื่องมือสื่อสารที่ใช้สั่งซื้อขายยาเสพติดไปยังนอกเรือนจำ โดยในช่วงเช้ามืดของวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก สนธิกำลังกับเจ้าพนักงานตำรวจ กก.1 บก.ป. หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) และเจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์ ร่วมมือกันทำการตรวจค้นภายในเรือนจำกลางคลองเปรม ผลการตรวจค้น พบโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก อาวุธ ของมีคมต่างๆ จึงยึดไว้เป็นของกลางดังกล่าว ซึ่งปกติทางเรือนจำมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเครื่องมือสื่อสาร หรือ อาวุธ เข้ามาในเรือนจำ แต่ด้วยเหตุผลที่เรือนจำมีพื้นที่กว้าง และมีจำนวนนักโทษมาก ทำให้ยังมีการลักลอบนำสิ่งเหล่านี้เข้ามาได้ อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่การตรวจค้นครั้งนี้สามารถยึดของกลางได้มาก เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ทหารได้นำอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับค้นหาโลหะและวัตถุระเบิดมาเสริมการทำงานตรวจค้น ซึ่งแนวทางในอนาคต ทางเจ้าหน้าที่อาจเสนอแนวคิดขอให้ทหารสนับสนุนค้นเรือนจำไปยังกระทรวงยุติธรรม
นายปฏิคม กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายเต่านั้น จากการตรวจค้นพบว่าชื่อจริงคือ นายณัฐวุฒิ หอมชื่น เป็นนักโทษในคดียาเสพติด ถูกจองจำอยู่ในแดน 2 ของเรือนจำมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว โดยที่ศาลพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าทำลักษณะนี้มาแล้วกี่ครั้ง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากการจะนำตัวนักโทษออกมาได้ต้องให้ศาลมีคำสั่งก่อน ส่วนการซุกซ่อนโทรศัพท์ของนักโทษนั้น ส่วนใหญ่จะมีการห่ออย่างดี ก่อนจะนำไปซุกซ่อนตามท่อระบายน้ำ รางน้ำ หรือฝังดิน ทั้งนี้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจค้นเกือบทุกวัน ทำให้ผู้ต้องขังซ่อนเครื่องมือเหล่านี้รัดกุมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้ราคาของโทรศัพท์มือถือสูงจากเดิมที่เป็นหลักหมื่นบาท ปัจจุบันราคาพุ่งสูงกว่า เครื่องละ 3 แสนบาท อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นปกติทำได้ยาก เนื่องจากเรือนจำมีพื้นที่กว่า 100 ไร่ โดยหากในอนาคตมีเครื่องมือที่ทันสมัยมาช่วย จะทำให้การตรวจค้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน