xs
xsm
sm
md
lg

“ชิเกตะ” ส่งทนายแจง เร่งผลิตทายาทสืบทอดมรดก ตั้งเป้า 20 อุ้มบุญ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายก้อง สุริยมณฑล ทนายความของ มิตสีโตกิ ชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น
“ทนายพ่ออุ้มบุญญี่ปุ่น” เข้าพบตำรวจยื่นหลักฐานกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่น ยันวางแผนมีลูกดกหวังให้สืบทอดธุรกิจ เผยชีวิตมั่งคั่งมีทรัพย์สิน 4 พันล้าน ตั้งใจผลิตทายาทพร้อมกันทีเดียว 20 คน เตรียมซื้อบ้าน เปิดบริษัทในไทย ยินดีกลับมาให้ข้อมูล ตร. คาดภายในสิ้นเดือนนี้ ส่งฟ้องหมอเจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟต่อศาล


วันนี้ (9 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายก้อง สุริยมณฑล ทนายความของ มิตสึโตกิ ชิเกตะ อายุ 24 ปี พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กำกับดูแลคดีอุ้มบุญ เพื่อให้ข้อมูลทางคดี พร้อมมอบเอกสารเพิ่มเติม โดยใช้เวลาหารือกันประมาณ 30 นาที นายก้อง กล่าวว่า ได้นำเอกสารมามอบให้ตำรวจเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเอกสารที่ได้รับการรับรองการกระทรวงยุติธรรม ประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับประวัติการศึกษา ปูมหลัง สถานะทางการเงิน แผนการดูแลบุตรในอนาคต โดยยืนยันว่า นายชิเกตะ ยังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และพร้อมเข้าให้ข้อมูลในไทย อีกทั้งต้องการมีบุตรจำนวนมากจริง โดยมีบุตรในประเทศไทยทั้งหมด 12 คน และทางครอบครัวก็รับทราบ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการขอหนังสือรับรองจากทางตำรวจ ในการประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอส่งพี่เลี้ยงเด็ก และบุคคลเข้าไปเยี่ยมเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญ โดยอยู่ระหว่างรอคำตอบ ส่วนบุตรสาวคนล่าสุดที่เพิ่งคลอดที่ จ.เชียงราย นั้น นายชิเกตะ และพ่อแม่ของเขาทราบแล้ว ดีใจประสาคนเป็นพ่อ อยากมาเยี่ยมลูก และอยากได้ลูกทุกคนกลับไปเลี้ยง

ด้าน พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวว่า การที่ นายชิเกตะ จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อใดนั้น ยังอยู่ระหว่างการประสาน ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ แต่หากมาพบตำรวจ ก็จะสามารถตอบข้อสงสัยประชาชนได้ทั้งหมด ส่วนคดีของ นายแพทย์ พิสิฐ ตันติวัฒนกุล เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ยังเหลือที่ต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก ซึ่งเชื่อว่าภายใน 20 วัน จะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลได้

พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ทนายได้ชี้แจงว่า นายชิเกตะ ตั้งใจอยากมีลูก 20 คน ที่อยากมีลูกมากๆ เพราะตัวเองเติบโตมาในครอบครัวที่มั่งคั่ง ทำธุรกิจหลายอย่าง และตัวเองก็สืบทอดธุรกิจของพ่อแม่ จึงอยากมีลูกมากๆ ในคราวเดียว ไว้สืบทอดธุรกิจ โดยแจกแจงว่ามีทรัพย์สินมากถึง 4,000 ล้านบาท เพียงเงินปันผลการลงทุนก็ได้รับปีละ 80 ล้านบาท ตั้งใจจะลงทุนในประเทศไทยโดยซื้อคอนโดมิเนียมแล้ว ตั้งใจจะซื้อบ้านให้ลูก แต่มีเรื่องนี้เสียก่อน อีกทั้งยังตั้งใจจะลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับหลักทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วย แต่ก็ต้องชะลอไว้ ยืนยันว่า มีธุรกิจมากมาย มีที่ดินถึง 120,000 ตารางเมตร ในประเทศกัมพูชา และนายชิเกตะ ยังแจ้งด้วยว่า ได้โอนหลักทรัพย์ให้ลูกทั้ง 17 คน คนละ 1,100,000 เยน อย่างไรก็ตาม จากการยืนยันเอกสารและคำอธิบาย ตำรวจก็รับฟังและเอกสารก็ยืนยันเป็นทางการโดยหน่วยงานรัฐของญี่ปุ่นถึงเหตุผลการมีลูก แผนการเลี้ยงดู และสถานภาพการเงิน ความเป็นอยู่ของนายชิเกตะ ยืนยันในตอนนี้นายชิเกตะยังไม่มีความผิดอะไร แจ้งผ่านทนายไปแล้ว เพื่อให้นายชิเกตะ เดินทางมาเป็นพยานและตอบคำถามให้สังคมคลายความคลางแคลงใจ เรื่องนี้ยังไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์ และก็เชื่อได้ว่า นายชิเกตะ ตั้งใจมีบุตรเพื่อเลี้ยงดู สืบทอดกิจการ ไม่น่าจะเอาไปทำอย่างอื่น เพราะการมีบุตรแต่ละคนมีค่าใช้จ่ายคนละ 2 ล้านบาท จึงไม่น่าเอาไปทำอย่างอื่น ต้องการมีเร็วๆ พร้อมๆ กัน จึงใช้วิธีการอุ้มบุญ ทั้งนี้ทั้งนั้น ในทางคดีก็ต้องดำเนินไป หากพบหลักฐานใหม่ ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ตอนนี้ในคดีนี้มีเพียง นพ.พิสิฐ ที่มีความผิดตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อช่วงดึกของวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนกุล เจ้าของคลินิก ออลไอวีเอฟ ย่านเพลินจิต พร้อม นายรุ่งโรจน์ ดิจบรรจง ทนายความส่วนตัวเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเเล้วนั้น ต่อจากนี้ทางพนักงานสอบสวนให้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ในการให้ นพ.พิสิฐ เตรียมนำหลักฐานเเละข้อมูลทั้งหมดมายื่นให้เรียบร้อย ในส่วนของเเม่อุ้มบุญ ที่เหลืออีก 2 รายนั้น พนักงานสอบสวนกำลังพยายามติดต่อ เพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เเต่เนื่องจากในกรณีของแม่อุ้มบุญทั้ง 2 รายนั้น อยู่ในส่วนของพยาน ซึ่งหากทั้ง 2 รายไม่สะดวกมาพบ ก็ถือว่าไม่ส่งผลกระทบกับสำนวนการสอบสวนเเต่อย่างใด
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผุ้ช่วยผบ.ตร.)กำกับดูแลคดีอุ้มบุญ นั่งเป็นปธ.การหารือ
กำลังโหลดความคิดเห็น