ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผย “ชิเกตะ” ยันเดินทางให้ข้อมูลตำรวจด้วยตัวเอง ยื่นหนังสือถึง พม.ขอส่งพี่เลี้ยง 12 คนดูแลเด็ก
วันนี้ (3 ก.ย.) พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอุ้มบุญว่า นายก้อง สุริยะมณฑล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายชิเกตะ มิตซึโตกิ อายุ 24 ปี พ่อชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางเข้าพบ พร้อมยืนยันว่านายชิเกตะจะเดินทางเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตนเองแน่นอนเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ทั้งนี้มั่นใจได้ว่าเหตุผลที่นายชิเกตะจะเดินทางมาประเทศไทยและให้ข้อมูลต่อตำรวจนั้นเนื่องจากต้องการนำลูกกลับไปเลี้ยงดู ซึ่งตนเห็นว่าหากนายชิเกตะเข้าให้ข้อมูลจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วเด็กจะได้รับการดูแล
อย่าไรก็ตาม ทราบว่าขณะนี้นายชิเกตะได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอนำพี่เลี้ยง 12 คนเข้าไปดูแลเด็กที่อยู่ในความดูแลของ พม. ส่วนในทางคดีตำรวจยังไม่พบการกระทำผิด จึงยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนการตรวจสอบความเป็นอยู่ของเด็กที่นำออกไปประเทศกัมพูชาหลังประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพลไว้ ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ แต่ทราบว่าเด็กมีความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนนายชิเกตะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอาศัยอยู่ในประเทศใด
พล.ต.ท.ก่อเกียรติกล่าวว่า สำหรับ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ สูตินรีเวช ย่านเพลินจิต ที่ได้ประสานจะเข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 6 กันยายนนั้นเบื้องต้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากไม่มาพบตามนัดจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที
ขณะที่ สน.ลาดพร้าว วันนี้ พ.ต.อ.ภาคภูม พูลสิริโภคา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า คาดว่าน่าจะมีการสอบปากคำและยื่นหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่นายชิเกตะต้องการเลี้ยงเด็กอุ้มบุญทั้ง 15 คน จึงไม่จำเป็นต้องเดินทางมาสอบปากคำซ้ำที่ลาดพร้าวอีก หลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าวต้องรอเอกสารสำคัญจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเหลือเพียงการสอบปากคำนายชิเกตะในฐานะพยาน หากพิสูจน์แล้วว่าการมีเด็กอุ้มบุญจำนวนมากไม่เข้าข่ายความผิดด้านการค้ามนุษย์ก็จะสรุปสำนวนคดีรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป โดยไม่มีการดำเนินคดีต่อนายชิเกตะ ส่วนสำนวนสอบปากคำพยานก่อนหน้านี้ สน.ลาดพร้าวได้ส่งมอบข้อมูลบางส่วนให้ สน.ลุมพินี เพื่อใช้เป็นสำนวนประกอบการดำเนินคดีต่อ นพ.พิสิฐต่อไปแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติออสเตรเลียเพื่อประเมินสถานภาพอาชญากรรมข้ามชาติ ในวันนี้ ไม่ได้มีหารือเกี่ยวกับคดีอุ้มบุญแต่อย่างใด เนื่องจากคดีดังกล่าวมีการหารือกันเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า พ่ออุ้มบุญชาวออสเตรเลียทำอนาจารกับลูกที่เกิดจากการอุ้มบุญในไทยนั้น ก็จะมีการประสานกับทางการออสเตรเลีย เพื่อตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยจะมีการประเมินว่าพฤติกรรมของพ่อชาวออสเตรเลียเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กันกับ นายชิเกตะ มิตซึโตกิ อายุ 24 ปี พ่ออุ้มชาวญี่ปุ่นหรือไม่
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า ในส่วนการติดตามตัว นายชิเกตะ เบื้องต้น ได้มีการประสานกับ ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เพื่อขอข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่มีการรายงานเข้ามาอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้การจะเข้าไปสอบปากคำ หรือสืบสวนหาข้อมูลในต่างประเทศนั้น ต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศนั้นๆ ว่าจะอนุญาตหรือไม่ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ นายชิเกตะ ยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือถูกดำเนินคดี จึงยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
วันนี้ (3 ก.ย.) พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอุ้มบุญว่า นายก้อง สุริยะมณฑล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายชิเกตะ มิตซึโตกิ อายุ 24 ปี พ่อชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางเข้าพบ พร้อมยืนยันว่านายชิเกตะจะเดินทางเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตนเองแน่นอนเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ทั้งนี้มั่นใจได้ว่าเหตุผลที่นายชิเกตะจะเดินทางมาประเทศไทยและให้ข้อมูลต่อตำรวจนั้นเนื่องจากต้องการนำลูกกลับไปเลี้ยงดู ซึ่งตนเห็นว่าหากนายชิเกตะเข้าให้ข้อมูลจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วเด็กจะได้รับการดูแล
อย่าไรก็ตาม ทราบว่าขณะนี้นายชิเกตะได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอนำพี่เลี้ยง 12 คนเข้าไปดูแลเด็กที่อยู่ในความดูแลของ พม. ส่วนในทางคดีตำรวจยังไม่พบการกระทำผิด จึงยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนการตรวจสอบความเป็นอยู่ของเด็กที่นำออกไปประเทศกัมพูชาหลังประสานตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพลไว้ ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ แต่ทราบว่าเด็กมีความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนนายชิเกตะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอาศัยอยู่ในประเทศใด
พล.ต.ท.ก่อเกียรติกล่าวว่า สำหรับ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ สูตินรีเวช ย่านเพลินจิต ที่ได้ประสานจะเข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 6 กันยายนนั้นเบื้องต้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากไม่มาพบตามนัดจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที
ขณะที่ สน.ลาดพร้าว วันนี้ พ.ต.อ.ภาคภูม พูลสิริโภคา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า คาดว่าน่าจะมีการสอบปากคำและยื่นหนังสือชี้แจงถึงเหตุผลที่นายชิเกตะต้องการเลี้ยงเด็กอุ้มบุญทั้ง 15 คน จึงไม่จำเป็นต้องเดินทางมาสอบปากคำซ้ำที่ลาดพร้าวอีก หลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าวต้องรอเอกสารสำคัญจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเหลือเพียงการสอบปากคำนายชิเกตะในฐานะพยาน หากพิสูจน์แล้วว่าการมีเด็กอุ้มบุญจำนวนมากไม่เข้าข่ายความผิดด้านการค้ามนุษย์ก็จะสรุปสำนวนคดีรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป โดยไม่มีการดำเนินคดีต่อนายชิเกตะ ส่วนสำนวนสอบปากคำพยานก่อนหน้านี้ สน.ลาดพร้าวได้ส่งมอบข้อมูลบางส่วนให้ สน.ลุมพินี เพื่อใช้เป็นสำนวนประกอบการดำเนินคดีต่อ นพ.พิสิฐต่อไปแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติออสเตรเลียเพื่อประเมินสถานภาพอาชญากรรมข้ามชาติ ในวันนี้ ไม่ได้มีหารือเกี่ยวกับคดีอุ้มบุญแต่อย่างใด เนื่องจากคดีดังกล่าวมีการหารือกันเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า พ่ออุ้มบุญชาวออสเตรเลียทำอนาจารกับลูกที่เกิดจากการอุ้มบุญในไทยนั้น ก็จะมีการประสานกับทางการออสเตรเลีย เพื่อตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยจะมีการประเมินว่าพฤติกรรมของพ่อชาวออสเตรเลียเกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กันกับ นายชิเกตะ มิตซึโตกิ อายุ 24 ปี พ่ออุ้มชาวญี่ปุ่นหรือไม่
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า ในส่วนการติดตามตัว นายชิเกตะ เบื้องต้น ได้มีการประสานกับ ตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เพื่อขอข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่มีการรายงานเข้ามาอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้การจะเข้าไปสอบปากคำ หรือสืบสวนหาข้อมูลในต่างประเทศนั้น ต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศนั้นๆ ว่าจะอนุญาตหรือไม่ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ นายชิเกตะ ยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือถูกดำเนินคดี จึงยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่