คดีรุกป่าพื้นที่ทหาร ที่ พ.อ.สมหมาย บุษบา เสนาธิการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 และคณะทำงานด้านกฎหมาย กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยภาค 2 กำลังเดินหน้าอย่างเอาจริงเอาจังต่อ แก๊งนายพลตำรวจและข้าราชการอัยการ รวมทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัย โดยเตรียมเสนอให้ดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำการยึดทรัพย์ เริ่มเข้มข้น บานปลายไปเรื่อยๆ
โดยล่าสุด พล.ต.ท. “จ.” ก็คือ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาการ ผบช.น. ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า พล.ต.ท. “จ.” ก็คือตัวเขาเอง เพราะในทำเนียบนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 36 มีขึ้นต้นด้วยอักษร จ.เพียงเขาคนเดียว นอกจากนั้นยังยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในอดีตในฐานะผู้ซื้อเมื่อปี 2549 และเพียงปีเดียวก็ขายไปโดยไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ ทั้งสิ้น (อ่าน “จักรทิพย์” หวั่นถูกโยง พล.ต.ท.“จ.” ขาใหญ่รุกที่ทหาร รับเคยซื้อแต่ขายแล้ว ยันวันนี้ไม่มีเอี่ยว
รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับความเป็นมาของที่ดินบริเวณชะง่อนผา หนองเขาเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 330 ไร่ซึ่งฝ่ายทหารศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี อ้างเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์นั้น มีกระแสอีกทางหนึ่งว่า แต่เดิมเป็นที่ดินในการดูแลของกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย เป็นที่ดินรกร้างแต่ได้กันไว้เพื่อแบ่งให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนลำตะคอง ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อปี 2534-2535
ต่อมาศูนย์สงครามพิเศษได้ทำเรื่องขอใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อใช้ในกิจการทหาร แต่ในข้อเท็จจริงเมื่อกรมประชาสงเคราะห์อนุญาตไป ศูนย์สงครามพิเศษก็มิได้ใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง จนเกิดปัญหาขึ้นระหว่างหน่วยงานกับหน่วยงาน กล่าวคือ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมประชาสงเคราะห์ในขณะนั้นเคยทำเรื่องขอพื้นที่คืน แต่ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งมีการตั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขึ้นมา และกรมประชาสงเคราะห์ได้ย้ายมาอยู่ในสังกัด เรื่องต่างๆ ยังคงคาราคาซังกันอยู่
ปมปัญหา “ฮุบที่ดิน” ดังกล่าวที่ทหารออกมาตีแสกหน้าตำรวจกลุ่มนี้ ยังจะต้องติดตามกันต่อไป เพราะไม่ช้าก็เร็วน่าจะมีการโต้กลับจากคนที่ตกเป็นจำเลยสังคมเหล่านี้แน่ เนื่องจากคนเป็นเจ้าของที่ดินและคฤหาสน์บนพื้นที่ตรงนั้นเชื่อว่าพวกตนมีหลักฐานพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าได้ที่ดินมาครอบครองอย่างถูกต้อง เพราะมีการจัดสรรให้แก่ราษฎรไปแล้ว และมีโฉนดออกมาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ตามเรื่องเดิม ที่ดินบริเวณนั้นจัดสรรให้เป็นนิคมสร้างตนเอง กระทั่งมี น.ค.3 หรือ หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตนิคมสร้างตนเอง ออกมารับรองสิทธิให้ชาวบ้าน ซึ่งหลักการของเอกสารสิทธิ น.ค.3 ต่างจาก ส.ป.ก.ก็คือ เมื่อครอบครองเกินกว่า 5 ปีแล้วสามารถนำ น.ค.3 มาแจ้งกรมที่ดินขอออกโฉนดได้ แต่การซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้จะต้องถือครองโฉนดเกินกว่า 5 ปี
ด้วยความเป็นมาของการเล่นแร่แปรธาตุบนพื้นที่ดังกล่าวนี้ ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นมั่นใจว่าได้ที่ดินมาถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นที่มาของคำพูดว่า “ให้ทหารตั้งการ์ดสูงๆ ไว้” หมายถึงเตรียมการฟ้องกลับด้วย เพราะถือว่ามีการบุกรุกเกิดขึ้นแล้ว และ มองว่าการตรวจค้นของทหารโดยมีกองทัพสื่อมวลชนตามมาด้วยนั้นต้องการอะไร หรือว่า เป็นช่วงแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจจึงมีขบวนการเตะสกัดวางงาน โดยยืมมือทหารที่เขามีเจตนาดีแต่ขาดข้อมูลต่างๆ อย่างรอบด้านจนเกิดปัญหาขึ้น!
อย่างไรก็ตาม มีรายงานถึงบรรยากาศในวันที่ทหารเข้าตรวจค้นบ้านบ้านพักตากอากาศของบรรดานายพลตำรวจรุ่น 36 ด้วยว่า ก่อนที่ทหารจะพากลุ่มสื่อมวลชนเข้าไปถึงตัวบ้านนั้น มีโทรศัพท์จากเจ้าบ้านหลังหนึ่งกำชับให้รีบปลดและขนรูปคู่ที่ถ่ายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แขวนโชว์อยู่บนผนังบ้านออกจากบ้านโดยด่วน เพราะเกรงว่าจะมีข้อหาอื่นซ้ำสอง โดยเร่งรีบจัดการปลดรูปดังกล่าวอย่างเฉียดฉิว เรียกว่ารอดตายไปได้หวุดหวิด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจะจบลงแบบมวยล้มต้มคนดู หรือขอโทษขอโพยแล้วๆ กันไป เพราะข่าวสารที่ลุกโชนราวไฟลามทุ่งย่อมเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปไม่ว่าจะเป็นการบุกจับผู้รุกป่า อ.เชียงคาน จ.เลย จำนวนนับพันไร่ แหล่งท่องเที่ยวเกาะช้าง จ.ตราด หรือการคืนพื้นที่สาธารณะในจังหวัดภูเก็ต กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆนั้น
ในฐานะประชาชนคนหนึ่งขอเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
หากที่ดิน 18 แปลงรวม 330 ไร่ที่มีกลุ่มข้าราชการตำรวจบุกรุกป่าหรือทำผิดจริงก็ต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาด มิฉะนั้นจะเป็นข้อครหาสองมาตรฐาน
และทางตรงข้าม หากผู้ถูกกล่าวหาสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ การจับกุมและให้ข่าวจนเกิดความเสียหายนั้นจะต้องมีผู้รับผิดชอบเช่นกัน อีกทั้งเมื่อกำหนดให้เป็นวาระของชาติ ก็ควรมีการพิสูจน์ทราบผู้ครอบครองที่ดินลักษณะรีสอร์ต สนามกอล์ฟ หรือแม้แต่บ้านพักตากอากาศต่างๆ ในป่าเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเขต อ.ปากช่อง เขาใหญ่-วังน้ำเขียว จ.กาญจนบุรี ตามชายทะเล ทุกแหล่งทุกภาค ทุกจังหวัดของประเทศไทย เพื่อมิให้ถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ หรือเป็นการกลั่นแกล้งกันได้