ตำรวจภาค 1 โชว์ฟอร์มรวบ 1 ใน 7 แก๊งโจรกรรโชกทรัพย์ อ้างชื่อ กอ.รมน.เข้าตรวจค้นยาเสพติดก่อนรีดทรัพย์ 4 แสน เหยื่อแอบหนีออกมาได้ 2 คนเข้าแจ้งความให้ตำรวจรวบทันควัน เพื่อร่วมแก๊งหนีได้ 6 ราย อีกคดีรวบผู้ต้องหาผลิต-ซ่อม-ค้าอาวุธปืน ได้ของกลางเพียบ
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (18 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 รรท.ผบก.ภ.จว.นนทบรี พ.ต.อ.จิณวัตร ก้อนทองดี ผกก.สภ.แสวงหา จ.อ่างทอง และพ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ ผบ.ร.31 และ พ.ท.กฤษฎา หิรัญโรจน์ ผบ.ร.31 พัน.1 รอ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 2 คดี
คดีแรก จับกุมนายวิทวัสชัย อดุลย์ยงสุข หรือเมษ อายุ 36 ปี ชาว จ.อุทัยธานี พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น พระเลี่ยมทอง 1 องค์ เงินสด (เหรียญ) 100 บาท และสลิปการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหา 4 ใบ โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 39/117 ซอยพระอินทร์ 4 หมู่ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 17 สิงหาคมม
พล.ต.ต.ศรีวราห์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.วันที่ 15 สิงหาคม มีคนร้าย 7 คน พร้อมอาวุธปืน อ้างตัวเป็นเจ้าพนักงาน ปปส.กอ.รมน.เข้ามาในบ้านเลขที่ 39/117 ซอยพระอินทร์ 4 หมู่ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อขอตรวจค้นยาเสพติด พร้อมจับกุมคนในบ้าน 4 คน กล่าวหาเป็นผู้ค้ายาเสพติด ก่อนยึดเงิน 20,000 บาท สร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองซึ่งเป็นของนางน้องเดือน นาคะประเวชไป โดยอ้างว่าหากไม่อยากถูกจับกุมดำเนินคดี ให้นำเงิน 50,000 บาทมาจ่าย ซึ่งผู้ต้องหาได้ควบคุมตัวผู้เสียหายไว้ในบ้านตลอดเวลา ก่อนที่นางน้องเดือนได้โทรศัพท์หาพี่สาวให้โอนเงินเข้าเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยของนายวิสวัสชัย 50,000 บาท แต่ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับการปล่อยตัว โดยคนร้ายบอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมาอีกให้ครบ 400,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินมาให้ได้
ต่อมานางจุฑาทิพย์กับนายสุรชัย 2 ใน 4 ผู้เสียหายได้แอบหนีออกจากบ้าน และเข้าแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนร่วมกันเข้าทำการจับกุมนายวิทวัสชัยได้ที่บ้านพร้อมของกลาง ซึ่งคนร้ายผู้ร่วมก่อเหตุอีก 6 รายได้หลบหนีไปได้
จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุคือ นายป๋าเหวียง (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) นายชาติ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) นายทอบอ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) นายทิวา (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) นายเค (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) และนาย พ. (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) หัวหน้ากลุ่มคนร้ายดังกล่าวซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลเพื่อออกหมายจับต่อไป เบื้องต้นแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และกรรโชกทรัพยผู้อื่นโดยมีอาวุธปืน หน่วงเหนี่ยวกักขัง โดยอ้างตนว่าเป็นเจ้าพนักงาน ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนขยายผลและนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 จับกุมนายชัยยุทธ แสงสินไชย อายุ 46 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองยาวเบอร์ 12 ยี่ห้อเรมิงตัน ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนลูกซองสั้นเบอร์ 12 แบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีทะเบียน 7 กระบอก, ปืนลูกซองสั้นขนาด .45 มม. แบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนลูกซองสั้นขนาด 410 แบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนลูกกรดยาวขนาด .22 ยี่ห้อคลิกโก้ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนอัดลมยาว ยี่ห้อสลาเวีย 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบแมกกาซีนขนาด 9 มม.ยี่ห้อโตกาเร็บ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบแมกกาซีนขนาด 9 มม.ยี่ห้อพาราเมรัม ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบแมกกาซีนขนาด .380 มม.ยี่ห้อมาคาลอบ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก
ปืนพกสั้นแบบแมกกาซีนขนาด .765 มม.ยี่ห้อบาวนิ่ง ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบแมกกาซีนขนาด .765 มม.ยี่ห้อสิงโต ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบแมกกาซีนขนาด .45 มม.แบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแมกกาซีนขนาด .22 มม.แบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีทะเบียน 3 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบลูกโม่ขนาด .38 ยี่ห้อลามา ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบลูกโม่ขนาด .38 แบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, ปืนพกสั้นแบบลูกโม่ขนาด .22 ยี่ห้อสมิทธ ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก, สว่านไฟฟ้า 4 ตัว, หินเจียรไฟฟ้า 2 ตัว, ปั๊มลม 1 ตัว โต๊ะพร้อมปากกาคีบเหล็ก 2 ตัว, ตะไบ 10 อัน อุปกรณ์สำหรับซ่อมอาวุธปืน ชิ้นส่วนอะไหล่ โดยจับกุมได้เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ศรีวราห์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนในท้องที่ สภ.แสวงหา จ.อ่างทอง ต่อมาสืบทราบว่านายชัยยุทธมีพฤติการณ์ผลิตอาวุธปืน และรับซ่อมแซมปืนเพื่อการค้าขาย จึงได้จับกุมนายชัยยุทธไว้ พร้อมแจ้งข้อหาทำประกอบซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงลักษณะ สั่ง นำเข้า มีหรือจำหน่าย ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้อหาไปสอบสวนขยายผลและนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
