xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง “หนุ่มยะลา” ไม่ผิดคดีก่อเหตุรุนแรง 3 จว.ใต้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอาญาให้ยกฟ้อง “มาหามะสกรี มะอูเซ็ง” คดีสะสมอาวุธ และร่วมก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน มีเพียงพยานบอกเล่า จึงยกประโยชน์ความสงสัยให้จำเลย แต่สั่งขังไว้ระหว่างอุทธรณ์

ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (31 ก.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.4208/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมาหามะสกรี มาหะมะอูเซ็ง หรือนายอาหามะ มะอูเซ็ง อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดยะลา เป็นจำเลยในความผิดฐานสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ, ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อกระทำการอันเป็นอั้งยี่, ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กระทำผิดฐานซ่องโจร, ผู้ใดร่วมประชุมกันของอั้งยี่หรือซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 114, 209, 210, 211 และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หรือสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8, 55, 72 และ 78

อัยการโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อเดือน มิ.ย.- ส.ค. 2545 จำเลยเป็นสมาชิกมูจาฮีดีน อิสลามปัตตานี เพื่อแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมกันแสวงหาประโยชน์จากการข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ และมีอาวุธปืนเล็กกล HK 33 ขนาด .223 (5.56 คูณ 45 มม.) หลายกระบอก และอาวุธปืนเล็กกล อาก้า AK 47 ขนาด 7.62 มม. RUSSSIAN (7.62 คูณ 39 มม.) และกระสุนปืนจำนวนมาก ติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ ต.บุดี อ.เมือง และ ต.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา และ ตำบล-อำเภอใดไม่ปรากฏชัด ในเขตจังหวัด จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เกี่ยวพันกัน ซึ่งจำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม จับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2555 โดยจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และถูกคุมขังโดยไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาข่าว และพนักงานสอบสวน 4 นาย เบิกความทำนองเดียวกันว่า เมื่อเดือน ก.พ. 2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบว่านายมาหามะสกรี จำเลยเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมีการร่วมประชุมเพื่อวางแผนก่อเหตุถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกวางแผนยิงรถบดถนนเมื่อเดือน มิ.ย. 2545 ที่ จ.ยะลา ครั้งที่ 2 ร่วมวางแผนกับนายอาหามะ แมเร๊าะ หัวหน้ากลุ่มมูจาฮีดีน เมื่อเดือน ก.ค. 2545 เพื่อยิงรถบรรทุกไม้ยางพารา หลังจากนั้นอีก 10 วันวางแผนยิงรถบรรทุกหิน เพื่อเรียกค่าคุ้มครอง ขณะที่ระหว่างเกิดเหตุเมื่อไปตามหาจำเลย และนายซูเบร์ มาหามะอูเซ็ง พี่ชายต่างมารดา ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มของจำเลยและสอนจำเลยประกอบระเบิดที่บ้านพักแต่ไม่พบ

นอกจากนี้ พยานโจทก์ยังอ้างบันทึกคำให้การของนายมะหะรง เต๊ะมาลอ พ่อเลี้ยงของจำเลยระบุว่า ได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการวางแผนก่อเหตุที่ได้ประชุมกันที่บ้าน แต่เมื่อพิจารณาจากบันทึกคำให้การดังกล่าวเห็นว่านายมะหะรง พยานได้ให้การได้หลังที่มีการอ้างว่าจำเลยได้ก่อเหตุแล้วถึง 2 ปี ขณะที่ในบันทึกคำให้การมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อ-สกุลของผู้ที่เข้าร่วมประชุมหลายคน รวมทั้งรายละเอียดสถานที่วางแผนและก่อเหตุที่มีรายละเอียดมาก ซึ่งยังสงสัยว่าพยานจะจำได้ทั้งหมดหรือไม่ อีกทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาก็ต้องมีล่ามแปลภาษาสอบถามพยานในการเบิกความ จึงน่าเชื่อว่าพยานอาจจะไม่รู้ภาษาไทยหรือเข้าใจเพียงแค่บางส่วน โดยพยานได้ตอบคำถามการซักค้านของจำเลยด้วยว่าได้ลงชื่อในเอกสารบันทึกคำให้การของจำเลยจริง แต่ไม่มีใครแปลให้ฟัง ขณะที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าก่อนเกิดเหตุพยานขโมยรถจักรยานยนต์ไปใช้ในช่วงที่จำเลยต้องเดินทางไปศึกษา และตัวพยานยังเคยแจ้งความให้มาตรวจสิ่งผิดกฎหมายที่บ้าน แต่ตรวจแล้วไม่พบ เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์คงมีเพียงบันทึกคำให้การ ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าของนายมะหะรง และพยานอื่นที่เป็นพยานบอกเล่าเช่นกัน จึงมีน้ำหนักน้องไม่อาจรับฟังมาลงโทษจำเลยได้ พยานโจทก์ยังมีเหตุความสงสัยตามสมควรให้จำเลยตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 แต่ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์











กำลังโหลดความคิดเห็น