ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย เตรียมออกหมายเรียก “หมอพิสิฐ” เจ้าของคลินิกอุ้มบุญ จันทร์นี้ คาด “หนุ่มยุ่น” บินมาไทยให้ปากคำ 18 ส.ค. เตรียมส่งตำรวจไปพนมเปญ ดูเด็กอุ้มบุญ 4 คน สัปดาห์หน้า
วันนี้ (15 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีชายชาวญี่ปุ่นจ้างอุ้มบุญ โดยมีพล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัตน์ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ตำรวจหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมประชุม นานกว่า 3 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าเพื่อให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการทุกด้านไปพร้อมๆ กัน โดยกำชับในการติดตามพยานหลักฐานทั้งพยานเอกสาร ที่เกี่ยวข้องกับกรมการกลศุล สัญชาติ รวมทั้งพยานบุคคล เพื่อทำสำนวนคดีกรณีสถานพยาบาลอุ้มบุญ ออล ไอวีเอฟ ซึ่งคดีนี้คืบหน้ามากมีการสอบปากคำพยานไปหลายปากโดยในวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม จะออกหมายเรียก นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์ซึ่งเป็นเจ้าของสถานพยาบาล ซึ่งจากการสอบพยานหลายปากหลักฐานเชื่อมโยง มีความผิด โดยจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ 1. ผิด พ.ร.บ.สถานพยาบาล ประกอบกิจการและสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท 2. ไม่ควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรมในสถานบริการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรมโทษ 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งในจันทร์จะหมายเรียก หากไม่มาตามหมายเรียก ก็ออกหมายจับต่อไป ทั้งนี้ยังไม่ได้สอบสวน นพ.พิสิฐ ส่วน นายชิเกตะ มัตซึโตกิ อายุ 24 ปี ชาวญี่ปุ่นนั้น ทราบว่ามีการประสานจะเดินทางมาไทยเพื่อพบเจ้าหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเดินทางมาจริงหรือไม่ ก็หวังว่าจะมาเพื่อมาชี้แจงและให้ข้อมูล ตอนนี้ตำรวจไทยประสานทุกช่องทางเพื่อตามตัวนายชิเกตะ มายืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งนี้ ในส่วนของคดี นายชิเกตะ ถือเป็นพยาน หากไม่มาพบพนักงานสอบสวน จะดำเนินการออกหมายเรียกพยาน หากเรียกหลายครั้งไม่มา พนักงานสอบสวนมีสิทธิออกหมายเรียกฐานขัดคำสั่ง ตอนนี้จากพยานหลักฐาน นายชิเกตะ ยังไม่มีความผิดตามกฎหมายไทยไม่สามารถเอาผิด แต่ยังต้องสอบสวนในประเด็นการเป็นจ้างอุ้มบุญเด็กหลายคนว่ามีจุดประสงค์ใดที่เข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบนายชิเกตะมีหนังสือเดินทาง 4 เล่ม สัญชาติญี่ปุ่น 3 เล่ม สัญชาติกัมพูชา 1 เล่ม ทั้งนี้ ตรวจสอบเบื้องต้นนายชิเกตะ ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่กัมพูชาด้วย อาจได้รับสัญชาติก็ได้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลที่พบขณะนี้นายชิเกตะเป็นบิดาของเด็ก 16 คน โดยเป็นเด็กสัญชาติไทย 15 คน สัญชาติญี่ปุ่น 1 คน ทั้งนี้ 12 คนอยู่ในความดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อีก 4 คน พาออกจากประเทศไทยไปแล้ว ขณะนี้พำนักที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยในจำนวน 4 คนนี้ คนหนึ่งสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งคนนี้เดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศอินเดีย แวะเปลี่ยนเครื่องที่สุวรรณภูมิ ก่อนนายชิเกตะจะพาเดินทางไปพนมเปญ ไปอยู่ร่วมกันกับเด็กอีก 3 คนที่เป็นลูกนายชิเกตะมีสัญชาติไทย จากการตรวจสอบผ่านผู้ประสานงานของนายชิเกตะ ที่ส่งภาพถ่ายของเด็กทั้ง 4 คน ให้ดูพบว่าขณะนี้เด็กทั้ง 4 คนอายุประมาณขวบกว่า สุขภาพดี ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีดูจากรูปไม่มีอะไรน้าห่วง แต่ทั้งนี้ผู้ประสานงานได้เชิญเจ้าหน้าที่ไทย เดินทางไปดูสภาพความเป็นอยู่ของเด็กทั้ง 4 คน ที่กรุงพนมเปญในสัปดาห์หน้า โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.4 นำคณะเดินทางไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ยังมีเด็กอีกคนที่ระบุเป็นลูกนายชิเกตะ อยู่ในครรภ์ของหญิงไทย อายุครรภ์ 7 เดือน ทาง พม. ดูแลอยู่ มีการจัดหารสถานพยาบาลทำคลอดเรียบร้อย
พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวถึงกรณีชาวต่างชาตินำเด็กสัญชาติไทย เดินทางออกนอกประเทศ ว่า ต้องมีเอกสารสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 2 อย่าง คือ พาสปอร์ตของเด็ก และคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัว ที่สั่งให้เป็นผู้ปกครองฝ่ายเดียวของเด็ก กรณี นายชิเกตะ ทั้ง 3 ครั้งที่พาเด็กออกไป ก็มีการแสดงหลักฐานทั้ง 2 อย่างครบถ้วนแก่เจ้าหน้าที่ โดยที่ผ่านมา ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ก็ให้ความสำคัญในการตรวจสอบเรื่องนี้ บางกรณีชาวต่างชาติอุ้มเด็กมาแล้วเด็กร้องไห้ผิดปกติ ตม. ก็ตรวจสอบ อย่างละเอียด เมื่อมีหลักฐานครบก็อนุญาตตามขั้นตอน สำหรับที่มีข่าวว่าเมื่อวาน ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกักตัวชาวออสเตรเลีย และอเมริกันที่กำลังพาเด็กออกนอกประเทศนั้น ตนให้ทาง ผบก.ตม.2 เป็นคนตอบเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่อ้างว่าคอนโดมิเนียมที่ลาดพร้าวมีเด็กเคยเป็นผู้อาศัยในทะเบียนบ้านมากกว่า 40 คนนั้น ยังเป็นเพียงข่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบ สำหรับกรณีที่การอ้างว่าพบมีผู้ใช้บริการอุ้มบุญคลีนิกที่กำลังดำเนินคดีกว่า 100 รายนั้น ต้องตรวจสอบเช่นกัน
ด้าน พล.ต.ต.ชยุต กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอุ้มบุญ ว่า กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องนำมาประกอบ ทั้งการแจ้งเกิด การออกหนังสือเดินทางแก่เด็ก ทั้งนี้ สำหรับนานชิเกตะ เชื่อว่า กำลังติดตามข่าวนี้อยู่ หากเดินทางมาก็จะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง เป็นประโยชน์กับตัวนายชิเกตะเองและคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง