ตร.เล็งเชือด “ชิเกตะ” ค้ามนุษย์ จี้ให้ปากคำอุ้มบุญ

ชุดคลี่คลายคดีอุ้มบุญ ระบุเตรียมดำเนินคดี สถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ฐานใช้เอกสารอันเป็นเท็จในการแจ้งเกิด กักขังพรากผู้เยาว์ ส่วนกรณี “ชิเกตะ” อาจเข้าข่ายค้ามนุษย์ หากนำเด็กออกไปหาผลประโยชน์ จี้เร่งให้ปากคำ

วันนี้ (13 ส.ค.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานคดีอุ้มบุญ กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน ว่า แบ่งการสอบสวนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกการดำเนินคดีอาญาสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่่สืบเนื่องจากการตรวจค้นอาคารศิวาเทล ชั้น 12เอ และ 15 ซึ่งเปิดเป็นคลินิกฉีดตัวอ่อนตามที่มีการนำค้นจากผู้หญิงที่ไปรับอุ้มบุญในท้องที่ สน.ลุมพินี ซึ่งต้องรอให้ทางกระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ในวันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. หลังจากมีการแจ้งความร้องทุกข์ก็สามารถออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีได้ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลผู้ที่เข้าข่ายประทำผิดเหล่านี้อยู่แล้ว ตำรวจก็สามารถดำเนินการได้ทันที อีกส่วนคือในท้องที่ สน.ลาดพร้าว ที่มีการค้นคอนโดและพบเด็กทารกจำนวน 9 คน ในส่วนนี้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อาจเข้าข่ายความผิดพรากผู้เยาว์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ค้ามนุษย์ ปลอมและใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จ ใช้เอกสารอันเป็นเท็จในการแจ้งเกิด เป็นต้น ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะเข้าองค์ประกอบความผิดไหนบ้าง ตอนนี้ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจที่เกี่ยวข้องหาข้อมูลพยานหลักฐานทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคลต่างๆ ให้ครบถ้วน

พล.ต.ท.ก่อเกียรติ กล่าวอีกว่า ในส่วนของ นายมิตสุโตกิ ชิเกตะ ที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อก่อนหน้านี้ถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏความผิด อยากให้มาให้ถ้อยคำในเรื่องที่เกิดขึ้นว่าจะนำเด็กไปทำอะไร หากไม่มาให้ถ้อยคำแล้วพบข้อมูลว่ามีพฤติกรรมนำเด็กไปหาผลประโยชน์ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ได้ ซึ่งตำรวจก็จะรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหา และออกหมายจับได้ อย่างไรก็ตามเราพยายามที่จะประสานงานเพื่อให้รู้ว่า เด็กที่ถูกนำตัวออกไปก่อนหน้านี้ตอนนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร เอาเด็กออกไปทำอะไร ซึ่งก็พยายามในการประสานงานทุกทางให้ได้ข้อมูล สำหรับ นางยาสุโกะ ชิเกตะ ที่เดินทางมาพร้อมกับนายมิตสุโตกินั้นยังไม่มีหลักฐานอะไรเชื่อมโยงว่า มีความสัมพันธ์อย่างไรเข้ามาเกี่ยวข้องในส่วนไหนอยู่ระหว่างการตรวจสอบ