xs
xsm
sm
md
lg

เร่งตามเจ้าของห้องที่เปิดคลินิก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
จี้ สน.ลาดพร้าว สแกนคลินิกรับอุ้มบุญในพื้นที่ ผู้กำกับ เผย สอบพยานที่เกี่ยวข้องแล้วบางส่วน เร่งหาเจ้าของห้องตัวจริงมาสอบ รอง ผบ.ตร.เผย นายชิเกตะ มีชื่อเป็นบิดาในสูติบัตรของเด็กถึง 14 ราย พร้อมประสานไปยังสถานทูตญี่ปุ่น ขอข้อมูลส่วนตัว ระบุกรณีนี้แพทย์มีส่วนรับผิดด้วย

จากกรณีที่ เจ้าหน้าที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส) พร้อมด้วย น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.ลาดพร้าว กว่า 20 นาย นำหมายค้นศาลอาญา เลขที่ 105/2557 เข้าตรวจค้นออลไอวีเอฟ คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรีเวช ที่ตั้งอยู่ภายในอาคารศิวาเทล ถนนเพลินจิต ชั้น 12 เอ และอัลไพน์ สตาร์ชั้น 15 ภายหลังจากมีพยานให้การว่า คลินิกดังกล่าวเป็นสถานที่ทำการช่วยเหลือเด็กทารกอุ้มบุญทั้ง 9 คน ให้กับ นายชิเกตะ มิตชูโตกิ อายุ 24 ปี ที่รับผิดชอบเป็นผู้ปกครองอุ้มบุญเด็กทารกดังกล่าว

คืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (10 ส.ค.) พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า ภายหลังจากการเข้าประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมานั้น ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลคลินิกในพื้นที่รับผิดชอบ สน.ลาดพร้าว ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติม ภายหลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา และได้สอบปากคำพยานไปแล้วในบางส่วน หลังจากนี้ หากพบพยานเพิ่มเติมก็จะเชิญมาสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกว่าผู้ใดเป็นเจ้าของผู้ดูแลห้องพักดังกล่าว เพื่อติดตามตัวมาสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ บก.น.4 และบก.ปคม. ร่วมกันพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงต่างๆในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งการดำเนินการทางการแพทย์ด้วย ซึ่งกระบวนการต่างๆนั้นไม่ได้เป็นไปตามประกาศของแพทยสภา ดังนั้นแพทย์จึงถือว่ามีความผิดด้วย ส่วนจะมีความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่นั้นจะต้องรอตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของพ่อและแม่อุ้มบุญอีกครั้ง

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังทนายความของ นายชิเกตะ มิตซูโตกิ ผู้แสดงตนเป็นบิดา ซึ่งทางทนายความก็รับปากว่ายินดีจะเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านายชิเกตะ มิตซูโตกิ เดินทางเข้าออกประเทศไทยถึง 40 ครั้ง และมีชื่อเป็นบิดาในสูติบัตรของเด็กถึง 14 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบต่อไปว่ามีเหตุผลและความจำเป็นอย่างไรถึงต้องมีชื่อเป็นบิดาเด็กมากถึงขนาดนี้ รวมทั้งประสานไปยังสถานทูตญี่ปุ่น เพื่อขอข้อมูลของนายชิเกตะ มิตซูโตกิ ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น