ตัวแทนกระทรวง สธ.แจ้งจับหมอเจ้าของคลินิกออล ไอวีเอฟ เปิดให้บริการอุ้มบุญขัดต่อกฎหมาย พร้อมเรื่องให้แพทยสภาดำเนินการสอบฐานผิดจรรยาบรรณ คาด 1 สัปดาห์รู้ผล
วันนี้ (14 ส.ค.) ที่ สน.ลุมพินี พ.ต.อ.ชาตรี พินใย นิติกร ชำนาญการพิเศษ การสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.อ.เดชา พรมณสุวรรณ์ พงส.ผทค. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของคลินิกออล ไอวีเอฟ ตั้งอยู่เลขที่53 อาคารศิวยาธรทาวเวอร์ แขวงลุมพินี เขตปทุวัน กทม. เนื่องจากพบว่าสถานพยาบาลดังกล่าวมีความไม่ถูกต้องตามประกาศ พ.ร.บ.ประกอบการสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ตามมาตรา 34 (2) เรื่องของผู้ประกอบการและมีใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลยินยอมหรือมอบให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน เพราะให้การบริการการตั้งครรภ์จากหญิงอื่น ไม่เป็นไปตามที่แพทย์สภาได้กำหนด ว่าผู้ที่จะต้องมาตั้งครรภ์แทนจะต้องเป็นเครือญาติโดยสายเลือด และจะต้องไม่มีการรับค่าจ้างใดๆ แต่ที่นี่กลับยินยอมทำอุ้มบุญให้กับหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่เครือญาติ
พ.ต.อ.ชาตรีกล่าวว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเราได้เข้ามาตรวจสอบคลินิกดังกล่าวในชั้น 12เอ เเล้วครั้งหนึ่ง พบว่ามีใบอนุญาตในการประกอบสถานพยาบาลถูกต้อง เเต่ได้ตักเตือนไปเเล้วเกี่ยวกับความผิดที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เพราะการดำเนินการเรื่องเทคโนโลยีเจริญพันธุ์จะต้องขึ้นทะเบียนก่อน
เบื้องต้นก็จะดำเนินการสั่งปิดสถานพยาบาลดังกล่าว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขสามารถดำเนินการเหล่านี้ตามกฎหมายมาตรา 50 เพราะถือว่าเป็นการทำให้เกิดอันตรายและเกิดความร้ายแรงต่อชีวิต ทั้งนี้จะฟ้องร้องแจ้งกับสถานพยาบาลดังกล่าวต่อไป โดยจะต้องมีโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ส่วนแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะส่งให้แพทย์สภาตรวจสอบในส่วนของการผิดจริยธรรม เพื่อเข้าสู่กระบวนการเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของชั้น 15 นั้น พบว่าเป็นคลินิกเถื่อนไม่ได้จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.ประกอบสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 เเละไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับราชวิทยาลัยสูตินารีเเพทย์เเห่งประเทศไทยเลย ถือว่าผิดเต็มๆ มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท ตนขอยืนยันว่าหลักฐานที่ได้นำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดต่อสถานประกอบการดังกล่าวได้อย่างแน่นอน เพราะจากการตรวจสอบพบว่า นพ.พิสิฐ มีวุฒิบัตรซึ่งสามาราถใช้เปิดคลินิกสูตินรีแพทย์ทั่วไปได้ เพื่อรักษาหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป แต่ไม่มีวุฒิบัตรและใบรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยในการทำเด็กหลอดแก้ว และไม่มีรายชื่อ นพ.พิสิฐในการยื่นวุฒิบัตรนี้ด้วย กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการขัดต่อมาตรฐานของแพทยสภา โดยคลินิกดังกล่าวได้เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 แล้ว ทั้งนี้หลักฐานที่สามารถยืนยันเอาผิด่อสถานบริการได้ขณะมีเพียง 1 แห่งเท่านั้น ส่วนสถานบริการเหลือกว่า 10 แห่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากแพทยสภาว่าเข้าข่ายการกระทำผิดหรือไม่
พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น.5 กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว โดยภายหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนเพิ่ม และยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะสามารถออกหมายเรียก นพ.พิสิฐ และผู้เกี่ยวข้อง แต่หากตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริงก็จะออกหมายจับทันที ส่วนในกรณีที่เกิดคำถามว่าในคลินิกนี้ได้ทำเด็กหลอดแก้วมากี่คนแล้วนั้น พล.ต.ต.สืบศักดิ์กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่มีข้อมูล ต้องทำการสืบสวนเพิ่มเติมในต่อไป
พล.ต.ต.สืบศักดิ์กล่าวว่า ในกรณีนี้ต้องทำการสอบสวนก่อนถึงจะสามารถสรุปได้ว่ามีความผิดหรือไม มีความผิดในฐานใดบ้าง เมื่อถามว่าในกรณีการทำเด็กหลอดแก้ว ผู้จ้างวานให้คลินิกกระทำการดังกล่าว มีความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.สืบศักดิ์กล่าวว่า ในกรณีนี้ต้องทำการสอบสวนก่อนถึงจะสามารถสรุปได้ว่ามีความผิดหรือไม่ มีความผิดในฐานใดบ้าง
พ.ต.อ.เดชากล่าวว่า ในด้านการสอบสวนนั้นเบื้องต้นนำข้อมูลที่ได้จาก สน.ลาดพร้าวทั้งหมดมาสรุปรวบรวมอีกครั้ง และจะเรียกแม่อุ้มบุญทั้งหมดและผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีกด้วย คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์จะได้ข้อมูลเพิ่มเติม