ในยุทธจักรสีกากี โอกาสมาถึงแล้ว ไม่มีใครจะรอต่อคิวเหมือนรอเล่นรถไฟตีลังกา อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ล่าสุด พล.ต.อ.เอก ทิ้งไพ่ไม้ตายใบสุดท้าย แบบที่เรียกว่า “ซูเปอร์พาวเวอร์” ลงสู่สนามชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.”
โค้งสุดท้ายชิงเก้าอี้แม่ทัพใหญ่สีกากี ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” หรือ “ผบ.ตร.” คนที่ 10 ต่อจาก “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย. 2557 ดูท่าจะต้องสู้กันถึงนาทีสุดท้าย
แม้แนวโน้มส่วนใหญ่จะเทน้ำหนักไปที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง ตามองค์ประกอบเอื้ออำนวยมีโอกาสเป็น “ผู้นำกรมปทุมวัน” คนใหม่ แต่พอเข้าสู่เดือนสิงหาฯ ก่อนจะถึงวันคัดเลือกจริงๆ คู่แคนดิเดตอย่าง “บิ๊กเอก” พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ดูแลงานป้องกันปราบปราม ก็แรงชนิดอาจทำให้ปากกาเซียนหักได้
ตามคำยืนยันจาก “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รักษาการ ผบ.ตร. ซึ่งมีอำนาจตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสนอชื่อ รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) พิจารณาคุณสมบัติแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ได้หารือกับ พล.องประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. การแต่งตั้ง ผบ.ตร. จะมีขึ้นช่วงกลางเดือน ส.ค. นี้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ เช็กกระแสความแรงคู่แคนดิเดต “ผบ.ตร.” ระหว่าง “บิ๊กอ๊อด” กับ “บิ๊กเอก” ต้องยอมรับว่า “อ.อ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ จะโดดเด่น และทิ้งห่าง “อ.เอก” พล.ต.อ.เอก มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยองค์ประกอบแวดล้อมที่เอื้ออำนวย จากผู้สนับสนุนที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจ ซึ่งเป็นผู้คัดเลือกผู้นำสีกากี รวมทั้งผลงานที่โดดเด่นมาก
พล.ต.อ.สมยศ ศิษย์เก่านิตยานุกูล จ.พระนครศรีอยุธยา นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 นายร้อยสามพราน รุ่น 31 เป็นคนที่มีพรรคพวกมาก ประเภทเข้าได้กับทุกกลุ่มการเมือง การทหาร และธุรกิจ เคยเป็นนายตำรวจติดตาม “มนตรี พงษ์พานิช” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเป็นลูกน้องใกล้ชิด “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.
ด้วยความที่เป็นลูกน้องใกล้ชิด พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่ง “บิ๊กป๊อด” เป็นน้องชาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นเสมือนพี่ใหญ่แห่ง “บูรพาพยัคฆ์” เป็นพี่ที่นับถือของพล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. อย่างมาก ทำให้น้ำหนักในการสนับสนุน พล.ต.อ.สมยศเพิ่มขึ้นไปด้วย
นอกจากนี้ ด้วยความที่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ทำให้มีเพื่อนร่วมรุ่น ตท. จำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็คือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในคณะ คสช. อย่างมาก จึงเป็นส่วนช่วยเติมพลังให้ “บิ๊กอ๊อด” ดูโดดเด่น
ที่สำคัญการที่ คสช. มีประกาศให้อำนาจ ผบ.ตร. เป็นผู้เสนอชื่อ รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งปัจจุบัน ผู้ที่ทำหน้าที่ ผบ.ตร. คือ พล.ต.อ.วัชรพล ซึ่งเป็นตำรวจอยู่ในสาย พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ดูจะเป็นอะไรที่เหมาะเจาะลงตัวเอื้อ “บิ๊กอ๊อด” กันไปหมด
รวมทั้งเสริมด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบด้านความมั่นคง และการมอบหมายจาก พล.ต.อ.วัชรพล รักษาการ ผบ.ตร. ให้พล.ต.อ.สมยศ ดูแลคดีหมิ่นสถาบัน ซึ่งเป็นเรื่องนโยบายที่ คสช.ให้ความสำคัญย่างมาก ก็ยิ่งส่งให้ “บิ๊กอ๊อด” มีผลงานติดหูชาวบ้าน และ คสช. ต่อเนื่อง
ขณะที่ “พล.ต.อ.เอก” ศิษย์เก่ามหาวิททยาลัยรามคำแหง ไม่ใช่ลูกหม้อโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นเพียงนักเรียนนายร้อยอบรม (นบ.รบ.) รุ่น 7 แต่เคยเป็นศิษย์เก่าวัดนวลนรดิศ รุ่นเดียวกับ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งเป็นมือกฎหมายที่ได้รับการยอมรับ ทั้งจากผู้พิพากษา ศาล และอัยการอย่างมาก
ส่วนหน้างานในฐานะดูแลด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ก็มีผลงานคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่คดีตามนโยบายหลักของ คสช. แต่ก็เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชน ก็ทำให้ชื่อ พล.ต.อ.เอก ติดหูชาวบ้านไม่น้อยเช่นกัน
ทว่าเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ กับ พล.ต.อ.เอก ก็ต้องยอมรับว่า พล.ต.อ.สมยศ ดูจะมีน้ำหนักตามองค์ประกอบที่เอื้ออำนวยกว่า พล.ต.อ.เอก จนหลายคนเชื่อว่า ผบ.ตร.คนที่ 10 น่าจะแปะชื่อ “บิ๊กอ๊อด” ในทำเนียบเบอร์ 1 สีกากีคนต่อไป
เพราะนอกจากผลงานที่โดดเด่นแล้ว ด้วยอายุราชการที่ พล.ต.อ.สมยศ เกษียณราชการ ปี 2558 พล.ต.อ.เอก เกษียณราชการ ปี 2559 ก็น่าจะลงตัวแบบที่สมประโยชน์ทุกฝ่าย หากตั้ง “บิ๊กอ็อด” ซึ่งมีอาวุโสลำดับ 3แซงพล.ต.อ.เอก ซึ่งมีอาวุโสลำดับ 1 ไปก่อนได้ เนื่องจากเกษียณก่อน แล้วค่อยให้ พล.ต.อ.เอก เป็น ผบ.ตร. ในปีถัดไปก็ยังไม่สาย
แต่ในยุทธจักรสีกากีโอกาสมาถึงแล้ว ไม่มีใครจะรอต่อคิวเหมือนรอเล่นรถไฟตีลังกา อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ล่าสุดพล.ต.อ.เอก ทิ้งไพ่ไม้ตายใบสุดท้าย แบบที่เรียกว่า “ซูเปอร์พาวเวอร์” ลงสู่สนามชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.”
ว่ากันว่า “ซูเปอร์พาวเวอร์” ของ พล.ต.อ.เอก มีการต่อสายตรงถึงผู้มีอำนาจฝากฝังดูแล น้ำหนักโค้งสุดท้ายเลยเริ่มเอนเอียงมาทาง พล.ต.อ.เอก พอสมควร
กระนั้นคำตอบสุดท้ายก็คงต้องวัดใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ซึ่งมีอำนาจเสมือนนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะประธาน ก.ต.ช. จะส่งสัญญาณในการให้ พล.ต.อ.วัชรพล เสนอ รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ คนไหนขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ แต่คงไม่น่าใช่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 2 พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 4 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จเรตำรวจแห่งชาติ อย่างแน่นอน
เพราะทั้ง 3 ล้วนมีสายสัมพันธ์กับขั้วอำนาจเก่า
ตะกร้าคู่ชิง “ผบ.ตร.” จึงเหลือเพียง 2 อ. คือ “อ.เอก- พล.ต.อ.เอก” กับ “อ.อ็อด -พล.ต.อ.สมยศ” ใครจะได้นั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 10 แห่ง กรมปทุมวัน ตำแหน่งที่ไม่ใช่มีแค่ความรู้ ความสามารถ อาวุโส หรือผู้สนับสนุนเท่านั้น แต่ต้องขี่ “บุญวาสนา” มาด้วย.
