วันนี้ (2 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตำรวจและทหารปฏิบัติกับผู้ชุมนุมที่มีความเห็นแตกต่างกันอย่างไม่เท่าเทียมกันและมีการเลือกปฏิบัติว่า ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำชับอีกครั้งว่า ให้ทหารและตำรวจปฏิบัติต่อผู้ต่อต้านและเห็นต่างทุกกลุ่มทุกฝ่ายให้เท่าเทียมกันโดยไม่มีเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งกำชับให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง และต้องบังคับใช้กฎหมายจากเบาไปหาหนัก โดยวิธีที่เคยพูดไปหลายครั้งแล้วคือให้บันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวผู้ชุมนุมหรือผู้แสดงการต่อต้านแล้วเชิญตัวมาพบเพื่อพูดคุยและปรับความเข้าใจ ปรับทัศนคติเพื่อให้เกิดความเข้าใจ หากจำเป็นที่จะต้องจับกุมตัวก็ไม่ให้จับกุมในพื้นที่ชุมนุมเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกทางลบต่อสังคม และต่อสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการอย่างรัดกุม หากเกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นอาจตกเป็นเป้าในการโจมตีได้
“ที่ผ่านมาสั่งกำชับตำรวจและทหารที่เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่ทุกครั้ง ให้ปฏิบัติต่อผู้แสดงออกทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมอย่าง เช่นกรณีที่มีกลุ่มผู้สนับสนุน คสช.ไปยื่นหนังสือและดอกไม้ที่สถานทูตออสเตรเลีย กับกลุ่มคัดค้านไปนั่งรับประทานแซนด์วิชที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ก็ได้สั่งการให้ปฏิบัติต่อทั้งสองกลุ่มในมาตรฐานเดียวกัน สำหรับผู้ที่ยังเป็นเยาวชนและนักศึกษาก็ได้เชิญตัวมาทำความเข้าใจพร้อมผู้เชิญปกครองมาร่วมทำความเข้าใจมีการตักเตือนผู้ปกครองด้วย ทั้งนี้ หากคนใดยังทำพฤติกรรมเดิมๆ ซ้ำอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี อาจส่งผลกระทบต่ออนาคตต่อด้านการศึกษาของเยาวชนคนนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับเยาวชนและผู้ปกครองก็เข้าใจเป็นอย่างดี เชื่อว่าคงไม่ทำพฤติกรรมดังกล่าวซ้ำ แต่หากใครยังทำพฤติกรรมซ้ำก็จำเป็นต้องจับกุมดำเนินคดี” รอง ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงการโพสต์ข้อความต่อต้าน คสช.ตามอินเทอร์เน็ต หรือโซเชียลมีเดียว่า หากพบข้อความเนื้อหาที่รุนแรงส่อในทางยุยง ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยก ขั้นแรกจะตักเตือนก่อน แต่หากเตือนแล้วยังฝ่าฝืนก็ต้องถูกดำนเนินคดีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี