xs
xsm
sm
md
lg

จัดหนักออกหมายจับ 2 รองนายก ทต.กะรน-ข้าราชการ หนุนแท็กซี่อิทธิพลที่ภูเก็ต (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สะเทือน! อีกรอบ ปราบแท็กซี่อิทธิพลกะรน จ.ภูเก็ต ตำรวจออกหมายจับชุดใหญ่อีก 4 คน มีทั้งผู้บริหาร และข้าราชการระดับสูงเทศบาลตำบลกะรน ฐานสนับสนุนให้แท็กซี่ป้ายดำทำผิด ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมนำตัวสอบเครียด ด้านผู้บัญชาการภาค 8 ยืนยันยังเดินหน้าจัดการแท็กซี่ทำตัวเป็นผู้มิอิทธิพลต่อเนื่อง
 
 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 และรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการขยายผลดำเนินคดี และแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่ที่กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรภาค 8 ฝ่ายทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นาย จู่โจมจับกุมดำเนินคดีหัวหน้าคิว และคนขับรถแท็กซี่ป้ายดำที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 109 คน จับกุมตามหมายจับ 112 หมาย

พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า สำหรับการจับกุมที่ผ่านมาในจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมดที่มีการจับกุม มีนักการเมืองท้องถิ่นรวมอยู่ด้วย คือ นายกเทศมนตรีตำบลกะรน ในความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำผิดโดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ หรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น สนับสนุน กรรโชกและซ่องโจร” อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง สามารถรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า ยังมีผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการอีกจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันกระทำผิดตามกฎหมายอาญา โดยสนับสนุนกลุ่มแท็กซี่ที่กระทำผิดในหลายๆ ประการ เช่น ยินยอมให้แท็กซี่ยึดศาลาที่พักผู้โดยสาร ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และประชาชนพลเมืองทั่วไปสามารถใช้ร่วมกัน แต่กลับให้กลุ่มแท็กซี่เพียงกลุ่มเดียวยึดศาลา เพื่อทำเป็นคิวแท็กซี่ อีกทั้งยังยินยอมให้ตั้งซุ้มศาลาไม้ไผ่อยู่ในที่สาธารณะ รวมจำนวน 32 คิว 36 ซุ้ม

นอกจากนั้น ยังเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มแท็กซี่กระทำผิดกฎหมายได้ใช้กระแสไฟฟ้า และน้ำประปาของเทศบาล รวมถึงการขีดตีเส้นบนพื้นถนนทำเป็นจุดจอดรถของแท็กซี่ผิดกฎหมาย โดยประชาชนทั่วไปไม่สามารถจอดรถได้ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เมื่อมีข้อขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการกับกลุ่มแท็กซี่ที่ทำผิดกฎหมายเกิดขึ้น ผู้บริหารท้องถิ่นเทศบาลกะรน ก็จะจัดให้มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแทบทุกครั้งจะใช้วิธีการต่างๆ บีบบังคับผู้ประกอบการให้ดำเนินการตามเงื่อนไขของกลุ่มแท็กซี่ผิดกฎหมายมาโดยตลอด แม้จะมีการร้องเรียนกลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ทำร้ายนักท่องเที่ยว หรือเรียกเก็บเงินจากบริษัทผู้ประกอบการ แต่ทางผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน ก็ไม่เคยแก้ไขจัดการแต่อย่างใด เหล่านี้เป็นต้น

ทางชุดเฉพาะกิจปราบปรามแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่ไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอออกหมายจับ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 และศาลจังหวัดภูเก็ต ได้อนุมัติหมายจับ 4 ฉบับ ประกอบด้วย หมายจับที่ 490/2557 นายสมปอง ดาบเพชร รองนายกเทศมนตรีตำบลกะรน หมายจับ 491/2557 นายอิทธิพร สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีตำบลกะรน หมายจับที่ 492/2557 นายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลกะรน และหมายจับที่ 493 /2557 นายวีระศักดิ์ อเนกวงศ์สวัสดิ์ ปลัดเทศบาลตำบลกะรน เนื่องจากมีพฤติกรรมเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือให้มีการตั้งกลุ่มแท็กซี่ตามหน้าโรงแรมในเขตพื้นที่ ต.กะรน ตำรวจจึงขอออกหมายจับกระทำผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดโดยร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น สนับสนุนกรรโชกและซ่องโจร โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 4 คน ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อมอบตัวในคดีดังกล่าวแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่

พล.ต.ท.ปัญญา ยังได้กล่าวต่อไปถึงการปราบปรามแท็กซี่ที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า สำหรับการดำเนินการปราบปรามแท็กซี่ที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลนั้นทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ยังเดินหน้าดำเนินการต่อไปทั้งในพื้นที่ป่าตอง และพื้นที่สนามบินภูเก็ต ซึ่งชุดเฉพาะกิจที่ทำเรื่องนี้ยังอยู่ในพื้นที่ สำหรับประชาชน ผู้ประกอบการ หรือผู้เสียหายสามารถแจ้งข้อมูลให้ทางตำรวจได้ ส่วนการสืบสวนและการสอบสวนพยานจะไปเกี่ยวข้องกับใครบ้าง มีนักการเมืองท้องถิ่นเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ต้องดูกันที่พยานหลักฐาน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อให้สามารถนำตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย ทั้งผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ ผู้สนับสนุน และผู้รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เฉียบขาด โดยขอยืนยันว่า ตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จะให้ความคุ้มครองดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ให้ความร่วมมือเป็นพยานอย่างดีที่สุดต่อไป และคิดว่าเร็วๆ นี้จะมีความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของการดูแลพยานในคดีนี้ตั้งแต่มีการดำเนินการจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากพยานคนใดว่าถูกการข่มขู่ ซึ่งในส่วนของตำรวจจะคงมาตรการดูแลความปลอดภัยให้แก่พยานต่อไป ภูเก็ต จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการ หรือผู้ที่เคยถูกกระทำละเมิดด้วยประการต่างๆ มาให้ข้อมูลเป็นพยานต่อเจ้าพนักงาน

ส่วนเรื่องการจัดระเบียบรถแท็กซี่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อให้อยู่ในการยอมรับของสังคม ซึ่งปัญหาแท็กซี่ป้ายดำเป็นปัญหาที่สั่งสมมานาน และขณะนี้ได้รับการแก้ไขลงระดับหนึ่ง และทุกฝ่ายมีความตื่นตัวร่วมกันสะสางปัญหา เห็นได้จากการรื้อถอนคิวรถที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สาธารณะเกือบทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ได้จัดประชุมหารือจัดระเบียบรถแท็กซี่ในพื้นที่/ท้องถิ่น/ชุมชนของตนเอง เช่น การจัดระเบียบพื้นที่โดยกำหนดจุดจอดรถแท็กซี่ให้เหมาะสมต่อสภาพพื้นที่ จุดละ 2-3 คัน มีช่วงระยะห่างกันพอสมควร ตามสภาพความหนาแน่นของผู้โดยสาร/ผู้รับบริการ โดยไม่ให้จอดรวมกันเป็นคิวแบบที่ผ่านมา โดยท้องถิ่นจัดหาพื้นที่สาธารณะเป็นจุดจอดรถรวมที่ไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น หรือบางส่วนอาจจะจัดตั้งเป็นศูนย์บริการแท็กซี่ในลักษณะ Call Center โดยใช้โทรศัพท์หรือวิทยุสื่อสารเรียกรถเข้ามา เมื่อมีผู้โดยสารมาติดต่อขอรับบริการ เป็นต้น ซึ่งตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จะได้พิจารณาว่าการจัดระเบียบเหล่านี้ หากอยู่ในระดับที่สังคมยอมรับได้ ก็จะควบคุม กำกับดูแลให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสงบสุข ทั้งนี้ ในระยะยาวควรจะต้องยกระดับมาตรฐานการบริการของแท็กซี่โดยรวม ทั้งในเรื่องการแต่งกาย กิริยามารยาท การพูดจาที่สุภาพ และมีจิตใจในการเป็นผู้ให้บริการที่ดีตามมาตรฐานสากลทั่วไป และจะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติการบริการ ให้รถแท็กซี่ทุกคันสามารถวิ่งรับ-ส่งได้อย่างเสรี โดยไม่จำกัดพื้นที่อีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น