ตรัง - 3 ผู้ต้องหาคดีอุ้ม 2 พี่น้องนักธุรกิจบ่อกุ้งและบ้านจัดสรรชื่อดังเมืองตรัง เข้ามอบตัวต่อสู้คดีแล้ว พร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่อีก 2 คน ร่วมทีมยังคงหลบหนี
วันนี้ (2 พ.ค.) พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิรัตน์ ปานดำ ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดตรัง และ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ กาญจนเนตร ผู้กำกับการ สภ.เมืองตรัง ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม 3 ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันเรียกค่าไถ่ คือ นายชุติภาส ศรีสุด อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/38 หมู่ที่ 4 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายถาวร นาศรี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106/3 หมู่ 4 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง และนายณรงค์ มุสิกศิลป์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/2 ม.1 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
สืบเนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ร่วมกับพวกอีก 2 คน ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี คือ นายบุญนาค กิจการนา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145/1 ม.1 ต.อุไดเจิรญ อ.ควนกาหลวง จ.สตูล และนายประยุท กิจการนา อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที 1/36 ซ.รังสิตนครนายก 24 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังจากทั้งหมดอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
แล้วก่อเหตุอุ้ม นายชาลี รักแก้ว อายุ 44 ปี กับ นายปรีชา รักแก้ว อายุ 42 ปี สองพี่น้องนักธุรกิจบ่อกุ้งและบ้านจัดสรร ชาว ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง ไปจากบ้านพัก เพื่อนำตัวไปเรียกค่าไถ่ จำนวน 15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา ก่อนฝ่ายผู้เสียหายต่อรองให้เงินค่าไถ่ พร้อมทองคำรูปพรรณ เหลือจำนวน 6 ล้านบาท และได้รับการปล่อยตัวออกมา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ผู้ต้องทั้ง 3 คน คือ นายชุติภาส นายถาวร และนายณรงค์ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง พร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จึงส่งมอบตัวผู้ต้องหาให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อกล่าวหาว่าร่วมกันเอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกัน, กรรโชกโดยมีอาวุธ หน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการแก่ผู้กระทำอื่น, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เนื่องจากเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี หากไม่เข้ามอบตัว หรือต่อสู้ขัดขืน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะใช้มาตรการเด็ดขาดทันที
เพราะคดีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งตนก็ได้มีการสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานี ให้ทำการตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัด และเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในส่วนของนักธุรกิจพื้นที่ เพราะหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอยอีก ซึ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย และทำให้ความเชื่อมั่นในด้านการลงทุนในจังหวัดตรังลดน้อยถอยลงไปได้
