รอง ผบก.น.7 แถลงข่าวจับกุม “นิว โอรส” หนึ่งในสมาชิกแก๊งโอรสที่ยังลอยนวลหลังก่อเหตุอุ้มเหยื่อรีดทรัพย์แล้วหลบหนี
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (25 เม.ย.) ที่ บก.น.7 พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ รอง ผบก.น.7 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.ชนะชัย ไชยทอง รอง ผกก.สส.บก.น.7 และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.7 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวรพล บรรจบสุข หรือ “นิว โอรส” อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ 687/2556 ลงวันที่ 4 ก.ย. 56 ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและมีอาวุธ, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
พ.ต.อ.เมธี กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเวลาประมาณ 21.00 น. ของเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 56 นายศรายุทธ ศรีกำเนิด หรือ “แอล โอรส” หัวหน้าแก๊งโอรส พร้อมด้วยสมาชิกในแก๊ง ซึ่งมีนายวรพลรวมอยู่ด้วย ได้ใช้อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก บุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 43/13 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 32 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. แล้วใช้อาวุธปืนขู่บังคับผู้เสียหาย 2 คน คือ นายวิทยา จันทร์เฉลิม กับ นายสัญญพงศ์ สุขนันท์ เพื่อให้บอกที่อยู่ของนายมิตรพงศ์ คงสวัสดิ์ แต่นายมิตรพงศ์ ได้กระโดดหลบหนีไปทางหน้าต่าง กลุ่มผู้ต้องหาจึงอุ้มนายวิทยา กับ นายสัญญพงศ์ ขึ้นเค้นถามที่อยู่ของนายมิตรพงศ์ ภายในรถตู้ แต่ทั้งคู่ไม่ยอมบอก จึงเปลี่ยนไปรีดไถเงินแทน แต่ผู้เสียหายทั้งคู่ไม่มีให้ จึงใช้อาวุธปืนตบหน้าแล้วนำตัวไปปล่อยทิ้งไว้ที่วัดหงส์ ย่านบางกอกใหญ่ พร้อมทั้งขู่ฆ่าหากนำเรื่องไปแจ้งตำรวจ ก่อนหลบหนีไป
พ.ต.อ.เมธี กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมสมาชิกแก๊งโอรสที่ก่อเหตุได้เกือบหมดแล้ว เหลือเพียงนายวรพล ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า นายวรพล จะเดินทางไปร่วมงานศพเพื่อนที่วัดยางสุทธาราม แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. ในวันที่ 24 เม.ย. เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่วัดดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำและตรวจสอบประวัติพบว่า นายวรพล มีประวัติถูกดำเนินคดีปล้นทรัพย์ในท้องที่ สน.บางขุนนนท์ และคดีเสพยาเสพติดในท้องที่ สน.บางกอกใหญ่ กับ สน.ท่าพระ อีกด้วย
จากการสอบสวนนายวรพล ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้ร่วมกับนายศรายุทธ หรือ แอล โอรส หัวหน้าแก๊ง บุกเข้าไปที่บ้านผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้เป็นคนลงมือตบผู้เสียหาย นายแอล โอรส เป็นคนทำคนเดียว หลังเกิดเหตุตนก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน พักอาศัยอยู่ที่บ้านและทำงานรับจ้างทั่วไปตามปกติ จนกระทั่งมาถูกจับได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.ทิวา กล่าวว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.7 ยังสามารถจับกุมนายอัครพล ทองประดับ หรือ อั๋น อายุ 27 ปี และนายท็อป (นามสมมติ) อายุ 18 ปี พร้อมของกลางรถ จยย. ยี่ห้อต่างๆ 5 คัน หลังจากทั้งคู่ตระเวนก่อเหตุลักรถ จยย. ในท้องที่มาแล้วหลายครั้ง จากการสอบสวนคู่ให้การรับสารภาพว่า จะเลือกลัก จยย. คันที่จอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ล็อกคอ หรือเจ้าของลืมเสียบกุญแจทิ้งไว้ที่รถ จากนั้นก็นำไปใช้เป็นยานพาหนะในการวิ่งราวทรัพย์ หรือนำไปขายให้กับนายนเรนทร์ ขันทนิยม หรือ ฟัก อายุ 28 ปี ในราคาคันละ 3,000-3,500 บาท เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปเที่ยวเตร่ หรือซื้อยาบ้าเสพ เบื้องเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ก่อนขยายผลติดตามจับกุมตัวนายนเรนทร์ ได้เพิ่มเติมพร้อมกับยาบ้าอีก 15 เม็ด พร้อมนำตัวทั้งหมดไปดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.ทิวา กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ชนะชัย ไชนทอง รอง ผกก.สส.บก.น.7 ได้เข้าตรวจสอบกระเป๋าเดินทางแบบล้อเลื่อนสีฟ้าที่ถูกวางไว้ด้านหน้าทางเข้าห้างสรรพสินค้าเอสซีพลาซ่า ภายในสถานีขนส่งสายใต้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า พบยาบ้าจำนวน 54,000 เม็ด เสื้อยืด 5 ตัว กางเกงขาสั้น 1 ตัว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นของขบวนการค้ายาเสพติดที่ลักลอบส่งยาบ้าไปทางจำหน่ายทางภาคใต้กับรถโดยสารประจำทาง แต่ถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนักในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ไม่กล้ามารับกระเป๋าดังกล่าวไป ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะติดตามจับกุมตัวเจ้าของกระเป๋ามาดำเนินคดีต่อไป