โฆษก ตร.แถลงผลการตั้งด่านรอบ กทม.จับผู้ต้องหาพร้อมอาวุธปืน 2 กระบอก กระสุน 5 นัด แต่ไม่เกี่ยวข้องการชุมนุมทางการเมือง พร้อมเผยสั่งเร่งรัดคดีขัดขวางการเลือกตั้ง 190 คดี และ “หมวดเจี๊ยบ” ถูกข่มขืนใจ-กักขังหน่วงเหนี่ยว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.แถลงสรุปผลการปฏิบัติงานในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ว่าผลการตั้งจุดตรวจค้นรอบพื้นที่การชุมนุมและพื้นที่รอบ กทม.สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 12 คน ประกอบด้วย อาวุธปืน 2 กระบอก กระสุนปืน 5 นัด อาวุธมีด 6 เล่ม ยาไอซ์ 0.537 กรัม ใบกระท่อม 537 ใบ และต่างด้าว 1 คน ส่วนเหตุแทรกซ้อนเมื่อเวลาประมาณ 00.05 น.เจ้าหน้าที่ สน.จักรวรรดิ ได้รับแจ้งว่าบริเวณอาคารสำเพ็งสแควร์ มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมากพกพาอาวุธปืน จึงได้เข้าไปตรวจสอบเมื่อไปถึงบริเวณดังกล่าว พบกลุ่มชายฉกรรจ์นั่งอยู่หน้าอาคารสำเพ็งสแควร์ ถ.ราชวงศ์ ขณะที่กำลังเข้าตรวจสอบ ปรากฏว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในตัวอาคาร โดยนายอภิชาต พวงเพ็ชร ได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมอาคารดังกล่าว จึงสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 12 ราย คือนายอภิชาต พวงเพ็ชร และพรรคพวก จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน วัตถุระเบิดแบบจุดชนวน อาวุธมีด 2 เล่ม และท่อนเหล็ก 3 อัน จึงได้แจ้งข้อหามีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และมีวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จากการสอบสวนขยายผลทราบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พบว่ามีการขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 190 คดี โดยมีเจ้าหน้าที่ กกต.หรือหน่วยที่เกี่ยวข้องจงใจละทิ้งไม่ปฏิบัติหน้าที่การเลือกตั้งจำนวน 176 คดี รวมคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในการเลือกตั้งจำนวน 366 คดี ซึ่งศาลได้ออกหมายจับ 180 ราย สอบสวนไปแล้ว 83 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ กกต.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจงใจละทิ้งการเลือกตั้งจำนวน 1,543 ราย โดยเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา นายชัยชนะ เดชเดโช ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพาง ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 81/2557 วันที่ 18 ก.พ.2557 กรณีที่ นายชัยชนะ ขัดขวางการเลือกตั้งบริเวณสำนักงานเขตยานนาวา ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ต่อมานายทินกร ปลอดภัย อายุ 34 ปี และนายปรีติ เชาวลิต อายุ 29 ปี มีหมายจับศาลอาญาที่ 44-45/2557 วันที่ 6 ก.พ.2557 เข้ามอบตัวที่ สน.พญาไท ข้อหาปิดล้อมสำนักงานเขตราชเทวี กรณีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองกรณีพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีตามข้อหาต่อไป
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการในที่ประชุมเกี่ยวกับการชุมนุม ประกอบด้วย 1.เน้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร เน้นไปจุดที่มีการชุมนุมทั้ง 3 จุดหลัก คือบริเวณสวนลุมพินี บริเวณแจ้งวัฒนะ และบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล 2.การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะต้องเน้นแสดงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้มงวดเรื่องการตั้งจุดตรวจค้นต่างๆ 3.ให้มีการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มการชุมนุมทั้งหมด และมุ่งเน้นให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนเรื่องการจราจร ประสานแกนนำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว และในวันนี้จะมีการติดตามความคืบหน้าเรื่องการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีต่างๆ ทั้งหมด อีกทั้ง ผบ.ตร.ได้ยืนยันว่าตำรวจทุกนายจะดำเนินการตามหน้าที่อย่างเข้มงวด เพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน โปร่งใส และดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมทุกฝ่าย
ทั้งนี้ กรณี ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภัควัต หรือ “หมวดเจี๊ยบ” ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 9 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การ์ดเข้ารุมกระชากตัวข้างเวที กปปส.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน ได้เข้ารายงานความคืบหน้าตามภาพกล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐาน โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เสนอต่อศาลเพื่อออกหมายจับชายทั้ง 9 คน ในข้อหา 3 ข้อ คือ 1.ข่มขืนใจให้เสื่อมเสียเสรีภาพ 2.กักขังหน่วงเหนี่ยว 3.ทำร้ายร่างกาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท