อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยย้ายนักโทษขาใหญ่บงการค้ายาเสพติดภายในเรือนจำไปเรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรีแล้ว 129 คน จ่อเช็กข้อมูลร่วมกับ บช.ปส.- ป.ป.ส. คัดกรองนักโทษที่มีรายชื่อข้องเกี่ยวกับการค้าขายยาเสพติด 93 คน และนักโทษในเรือนจำทั่วประเทศกว่า 200 คน ไปคุมขังที่เรือนนจำเขาบินด้วย ชี้สถิตินักโทษข้องเกี่ยวยาเสพติดลดน้อยลง ลั่นข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่เข้าไปข้องเกี่ยวถูกไล่ออกจากราชการไปแล้วกว่า 40 คน
วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้นโยบายแก่คณะผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ไว้ว่าให้จัดการปัญหายาเสพติดในคุกให้เหลือเป็นศูนย์ โดยให้ขนย้ายนักโทษคดียาเสพติดที่มีพฤติการณ์เป็นผู้บงการในการสั่งและซื้อยาเสพติดจากในเรือนจำ เพื่อแยกไปขังที่เรือนจำเขาบิน แดน 6 จ.ราชบุรี นั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เพราะสภาพเรือนจำมีการหมุนเวียนผู้ต้องขังอยู่ตลอด นอกจากนี้ ผู้ต้องขังยังมีโอกาสพบญาติและทนายตามปกติทำให้มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด แต่ต้องยอมรับว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา การลักลอบนำเข้ายาเสพติดไปในเรือนจำลดลง ซึ่งสังเกตได้จากการตรวจปัสสาวะผู้ต้องขังพบว่ามีปัสสาวะสีม่วงลดลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ มีกรณีคนร้ายพยายามนำยาไอซ์เข้าเรือนจำครั้งเดียวถึง 2 กิโลกรัม เหตุเกิดที่เรือนจำ จ.ชลบุรี ซึ่งถือว่าเป็นการลักลอบนำเข้าปริมาณมากที่สุดเท่าที่เคยจับได้ ทั้งนี้ มาตรการในการจัดการปัญหายาเสพติดมีส่วนสำคัญ 2 จุด คือ ในส่วนผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนผู้ต้องขังนั้นมีการวางแผนจัดการไว้ 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การย้ายผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์สั่งค้ายาเสพติดในเรือนจำไปคุมขังที่แดนความมั่นคงสูงสุด หรือ ซูเปอร์แม็กซ์ ที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี เบื้องต้นย้ายไปแล้ว 129 คน ระยะที่ 2 นำข้อมูลการข่าวจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาคัดกรองเพื่อส่งผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดไปขังในแดนซูเปอร์แม็กซ์ เพิ่มอีก 93 คน และระยะสุดท้ายจะพิจารณาจากบัญชีรายชื่อผู้ต้องขังจากเรือนจำทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีอีกประมาณ 200 คน ส่งไปควบคุมตัวในซูเปอร์แม็กซ์เช่นกัน ดังนั้น แดนซูเปอร์แม็กซ์หลังจากนี้จะใช้รองรับผู้ต้องขังได้เต็มที่จำนวน 400 คน
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่าสถิติยาเสพติดเล็ดลอดเข้ามาในเรือนจำเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือว่าในภาพรวมลดลง ซึ่งในปีแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ได้จริงจังเร่งรัดจัดการกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องยาเสพติด และนำมือถือเข้ามาในเรือนจำ จนทำให้ในปี 2555 มีเจ้าหน้าที่ถูกให้ออกจากราชการ 30 - 40 คน จนกระทั่งล่าสุดปี 2556 มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกระทำผิดให้ถูกออกจากราชการเหลือ 4 - 5 คน ซึ่งรายใดกระทำผิดกรณีดังกล่าวจะให้มีผลภายใน 7 วัน
