ลำปาง - ผู้ต้องขังคดียาเสพติดเหิม ส่งข้อความขู่ฆ่าเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปางยกครัว สอบพบเป็นหัวโจกใช้ซิมเติมเงินส่งจากห้องขัง แถมเจอหลักฐานผู้ต้องขัง จนท.พัวพันการค้ายาเสพติดซ้ำ จนต้องจัดระเบียบใหม่ยกกระบิ
วันนี้ (24 มิ.ย.) นายณรงค์ จุ้ยเส่ย ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีคำสั่งจากกรมราชทัณฑ์ ให้เรือนจำ และทัณฑสถานทุกแห่งทั่วประเทศเข้มงวดกวดขันการลักลอบนำยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และสิ่งของต้องห้ามเข้าไปภายใน ตนได้มีคำสั่งให้มีการตรวจค้นทุกวัน โดยไม่กำหนดเวลาตายตัว เพื่อไม่ให้ผู้ต้องขังรู้ตัวล่วงหน้า
ปฏิบัติการตรวจค้นเข้มค้นดังกล่าว ทำให้ผู้ต้องขังซึ่งเป็นหัวโจกไม่พอใจ รวมตัวเพื่อจะจับเจ้าหน้าที่เป็นตัวประกันเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้ต้องสนธิกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำที่อยู่โดยรอบ ทั้งในเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เข้ามาทำการควบคุม และคัดย้ายผู้ต้องขังออกไปอยู่ในเรือนจำอื่น 60 คน
หลังจากนั้น พบว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ได้รับข้อความส่งมาทางโทรศัพท์มือถือว่า “ในเมื่อมึงบ่ะหยุด จากนี้ไปมึงและครอบครัวมึงบ่ว่าพ่อแม่มึงลูกเมียมึง จะได้รับสิบยี่สิบเท่าพวกน้องกูโดน มึงคอยดูไอ้พานากูจะเสียเงินล้านสิบล้านจะบ่ะหื้อมึง และครอบครัวมึงเจ็บกว่าพวกน้องกูโดน”
เมื่อตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ก็พบว่าข้อความดังกล่าวถูกส่งมาจากหมายเลข 6980071704 ซึ่งเป็นซิมแบบเติมเงินซื้อใช้แล้วทิ้ง ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ที่ส่งข้อความแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องขังที่เป็นหัวโจก ล่าสุด ขณะนี้ได้ถูกย้ายไปฝากขังที่แม่ฮ่องสอนแล้ว
นายณรงค์ กล่าวว่า หลังจากมีข้อความขู่ฆ่า และทำร้ายเจ้าหน้าที่ ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่เสียขวัญไปมาก ซึ่งตนเองก็ให้กำลังใจ จนขณะนี้ทุกคนไม่เกรงกลัวอิทธิพลเหล่านั้นอีกแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาท ได้ขอกำลังตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่บริเวณบ้านพักเป็นประจำ และเพิ่มความถี่มากขึ้น พร้อมกับเพิ่มกล้องวงจรปิดทั้งภายนอก-ภายใน จัดหาเสื้อเกราะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร และตนเอง สวมใส่ในการออกปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ จากการสอบสวนตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา ยังพบอีกว่า การนำยาเสพติด และโทรศัพท์เข้าไปในภายในทัณฑสถาน มีทั้งตัวผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ทำเอง จึงได้มีคำสั่งให้ออก และสอบสวนในปีที่ผ่านมา 1 ราย และปีนี้อีก 1 ราย อยู่ระหว่างเฝ้าติดตามพฤติกรรมอีก 3-4 ราย
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันในส่วนของเจ้าหน้าที่ ได้ออกคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายในทัณฑสถานในวันหยุด ส่วนวันทำงาน ให้เข้า-ออกพร้อมกัน พร้อมกับตรวจปัสสาวะทุกคน และห้ามเอาอุปกรณ์ทุกชนิดเข้าไปภายในโดยเด็ดขาด รวมถึงวิทยุสื่อสารด้วย พร้อมจัดพื้นที่รับผิดชอบตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับหน้าลงไป หากผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาเข้าไปเกี่ยวข้อง หัวหน้าต้องรับผิดชอบ
ส่วนผู้ต้องขังได้มีการแต่งตั้งผู้ดูแลแต่ละห้อง หากห้องไหนมีผู้ที่กระทำผิดซ้ำ หัวหน้าห้องจะต้องถูกลงโทษด้วย แต่เพื่อให้ผู้ต้องขังผ่อนคลายมากขึ้น ได้มีการจัดโซนนิ่งเริ่มต้นด้วยการฝึกระเบียบวินัยด้วยการฝึกแถวทุกวัน นอกจากนั้น มีศูนย์นิมิตใหม่ไทยล้านนา เพื่อฝึกด้านสมาธิ ธรรมะ โครงการทู บี นัมเบอร์ วัน ส่วนโซนนิ่งด้านกีฬาจะมีการจัดพื้นที่ฝึกกีฬาฟุตซอล ตะกร้อ มวยสากล เป็นต้น ซึ่งทำให้ในขณะนี้ภายในสถานทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง เริ่มมีการปรับตัว และเข้าสู่ระเบียบมากขึ้นเกือบทั้งหมด
สำหรับทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง รับผู้ต้องขังในคดียาเสพติดเฉพาะผู้ต้องขังชายใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ปัจจุบันมีผู้ต้องขัง 1,500 คน