xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” เบิกความไต่สวนฟ้อง “ธาริต” สรุปสำนวนสลายม็อบแดง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“สุเทพ ” อดีตเลขาฯ กปปส.เบิกความไต่สวนคดี “ธาริต-ลูกน้อง” ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เหตุดีเอสไอสรุปสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องสลายม็อบแดงปี 53 ยันมีกองกำลังติดอาวุธในกลุ่ม นปช. และทหารถูกยิงเสียชีวิต จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธจริงเพื่อป้องกันตัวเอง

ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (9 มิ.ย.) ศาลนัดไต่สวนคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ เป็นโจทก์ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ในฐานะหัวหน้าชุดคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวนเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และเจ้าพนักงานที่ในการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200, 90 และ 83

จากกรณีที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาและเล็งเห็นผล ที่ ศอฉ.มีคำสั่งใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่ม นปช.เมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553

โดยวันนี้นายสุเทพเดินทางมาศาลด้วยตัวเอง และเบิกความต่อศาลถึงเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม นปช.ปี 2553 ว่า เมื่อเดือน เม.ย.2553 เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้ากระชับพื้นที่ บริเวณถนนราชดำเนิน ด้วยอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน โล่ กระบอง และแก๊สน้ำตา ตามขั้นตอนหลักสากล แต่ปรากฏว่ามีกองกำลังติดอาวุธใช้อาวุธสงครามกับเจ้าหน้าที่ ทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลัง แต่ถูกผู้ชุมนุมปิดล้อมไม่สามารถถอยร่นได้ และถูกผู้ชุมนุมรุมทำร้าย จึงออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนลูกซองจริงได้เพื่อป้องกันตนเอง และคุ้มครองประชาชน โดยฝึกซ้อมให้ใช้อาวุธปืนยิงระดับต่ำกว่าหัวเข่า และรักษาระยะห่างกับผู้ชุมนุมเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ออกคำสั่งดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับนายอภิสิทธิ์แต่อย่างใด

นายสุเทพเบิกความต่อว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ากระชับพื้นที่บริเวณถนนสารสิน ระหว่างนั้นมีกองกำลังติดอาวุธยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและผู้สื่อข่าวต่างประเทศเสียชีวิต ต่อมาทางแกนนำ นปช.ได้ประกาศยุติการชุมนุมและยอมมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คดีดังกล่าวนายธาริตเป็นผู้ทำสำนวนคดีโดยให้เป็นคดีพิเศษ มีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายกับแกนนำ นปช. พร้อมสรุปสำนวนว่ามีกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่การชุมนุม และมีชายชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งกองกำลังติดอาวุธดังกล่าวยังได้โยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ทหารและรัฐบาลว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ทางดีเอสไอจึงส่งสำนวนให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องและคดีอยู่ในชั้นศาล

ต่อมานายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา และมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายธาริตยังดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งนายธาริตมีท่าทีเปลี่ยนไป กระทั่งเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 นายธาริตได้เรียกตนและนายอภิสิทธิ์ไปรับทราบข้อกล่าวข้อกล่าวหา ฐานก่อให้ผู้อื่นฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผลกรณีแก้ไขสถานการณ์ปี 2553 แต่ในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหามีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และแตกต่างจากสำนวนคดีของ นปช.ก่อนหน้านี้ โดยเจตนากล่าวหาให้ตนเองและนายอภิสิทธิ์เสียหาย เพื่อกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา โดยอ้างว่าความเสียหายเกิดจากการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ากระชับพื้นที่ และยังไม่มีการระบุถึง นปช.ว่ามีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธ และชายชุดดำ ขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ขณะที่การสอบสวนของคณะกรรมการอิสระและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. และกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่เป็นองค์กรอิสระได้สรุปข้อเท็จจริงตรงกันว่าการชุมนุมของ นปช.มีกองกำลังติดอาวุธ และชายชุดดำใช้อาวุธสงครามทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนจนมีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก

ทั้งนี้ภายหลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เบิกความเสร็จแล้ว ศาลจึงนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 16 มิ.ย.เวลา 13.00 น.









กำลังโหลดความคิดเห็น