“ถวิล เปลี่ยนศรี” เบิกความไต่สวนคดี “อภิสิทธิ์” ฟ้องหมิ่น “ธาริต เพ็งดิษฐ์”อธิบดีดีเอสไอ ปฏิบัติหน้ามิชอบ ทำสำนวนคดีสลายม็อบเสื้อแดง ปี 53 ระบุมีชายชุดดำปะปนผู้ชุมนุมและใช้อาวุธสงครามร้ายแรง ศาลนัดอีกครั้ง 9 มิ.ย.นี้
วันนี้ (2 มิ.ย.) ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีหมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าชุดคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตและเป็นเจ้าพนักงานสอบสวน กระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 90, 157, 200 กรณีเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 - 13 ธันวาคม 2555 ได้มีการสรุปสำนวนนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาและเล็งเห็นผล จากการที่ออกคำสั่ง ศอฉ.ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ซึ่งโจทก์เห็นว่าการแจ้งข้อหาบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และดีเอสไอไม่มีอำนาจ ต้องเป็นการวินิจฉัยของ ป.ป.ช.
โดยในวันนี้ทนายโจทก์ได้นำนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช.ขึ้นเบิกความว่า ระหว่างช่วงปี 2553 ที่กลุ่ม นปช.มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาล แต่ปรากฏว่ามีกองกำลังติดอาวุธใช้อาวุธสงครามและระเบิดสังหารโจมตีใส่สถานที่ราชการสำคัญหลายแห่ง และโจมตีที่ตั้งกองกำลังของเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ทางเจ้าหน้าที่ทหารจึงใช้กำลังได้เข้าสลายการชุมนุม แต่ในส่วนที่กลุ่ม นปช.มีผู้เสียชีวิตนั้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร และขณะนั้นตนเองก็ดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะทำงานของ ศอฉ.ก็ได้รับรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีการใช้ความรุนแรง มีการใช้อาวุธสงคราม ฝ่าฝืนกฎหมาย ฯลฯ จึงแสดงให้เห็นว่าการชุมนุมมีการใช้ความรุนแรงมาโดยตลอด
จากนั้นในช่วงบ่าย นายถวิลเบิกความซักค้านอัยการโจทก์ว่า ในการประชุมของ ศอฉ.ไม่มีแผนยุทธการใช้พลแม่นปืนยิง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิทหารบก หรือ เสธ.แดง และตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเสียชีวิตจากฝีมือใคร และไม่ทราบว่าการเสียชีวิตของเสธ.แดงเป็นหนึ่งในปฏิบัติการยุทธวิธีตามรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) นอกจากนี้ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 มีกลุ่มชายชุดดำ ซึ่งปรากฎตัวเป็นครั้งแรกได้ใช้อาวุธร้ายแรงและมีการใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนโดยทางการข่าวสันนิษฐานว่า กลุ่มชายชุดดำมีความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ชุมนุมนปช.เนื่องจากพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ไม่เคยถูกยิงด้วยอาวุธสงครามแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ กลับถูกยิงด้วยอาวุธสงครามหลายครั้ง แม้การประชุม ศอฉ.ไม่เคยมีมติให้ใช้พลแม่นปืน แต่ผู้เข้าร่วมประชุม ศอฉ.ทุกคนมีความเห็นว่าจำเป็นให้ใช้พลซุ่มยิงเพื่อระงับยับยั้งเหตุการณ์รุนแรง ไม่ได้ต้องการยิงเพื่อเอาชีวิต โดยการดำเนินการของพลซุ่มยิง สอดคล้องกับกฎการใช้กำลังของกองทัพไทยว่าด้วยการป้องกันตนเองของกำลังพล ทั้งนี้ในการประชุมของ ศอฉ. นายอภิสิทธิ์จะเข้าร่วมประชุมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเพื่อฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และอุปสรรค โดยมีการออกความเห็นบ้างแต่ไม่ได้มีการสั่งการใดๆ
ภายหลังนายถวิลเบิกความเสร็จ ศาลนัดไต่สวนพยานปากอื่นต่อ ในวันที่ 9 มิ.ย. 2557 เวลา 09.00 น.