สน.พระอาทิตย์ / สามยอด
ผ่านฉลุยเรียบร้อยโรงเรียนแม้วปานสายฟ้าแลบ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ “นายพล”นอกฤดู แทน “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ว่าง 1 ตำแหน่ง ตามที่บอร์ดกลั่นกรอง ก.ตร. ตีตราประทับรายชื่อที่ “ผบ.อู๋”พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม่ทัพใหญ่ปทุมวัน รับออร์เดอร์นำเสนอ
พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่(สบ.8) ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สบ.9) พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ รองนายแพทย์ใหญ่(สบ.7) ขยับแทน นายแพทย์ใหญ่(สบ.8) เป็นไปตามหลักอาวุโส ไม่มีข้อเคลือบแคลงใจ เพราะมีเงื่อนไขขีดเส้นใต้ไว้ตั้งแต่การประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมา หลังหมอใหญ่ที่อาวุโสครบเกณฑ์แต่ไม่ขอขยับขึ้น และตบปากรับคำหากมีการแต่งตั้งครั้งต่อไป ต้องขึ้นอย่างไม่มีเงื่อนไข
พอตำแหน่ง “ผู้ช่วย ผบ.ตร.”ว่าง จากพล.ต.ท.เอกรัตน์ มีปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลาออก ทุกอย่างเลยลงล็อค
ที่ฮือฮาคงเป็น “บิ๊กแจ๊ด”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. โดนโยกไปนั่งเก้าอี้ ผบช.ภ.5คุมพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเจ้าตัวน่าจะอยากมานั่งเก้าอี้ ผบช.ภ.1 ถิ่นเก่าที่คุ้นเคยมากกว่า เพราะเตรียมปูทางสร้างฐานเสียงต่อเนื่องในพื้นที่ปทุมธานี
หากถอดเครื่องแบบสีกากีเบนเข็มสู่เส้นทางการเมืองในอนาคต ทว่าเมื่อ “ใบสั่ง”มาเช่นนี้ “บิ๊กแจ๊ด”ก็คงยากที่จะอุทธรณ์
“เพราะวันนี้พี่ไม่ให้”ซะแล้ว ก็ต้องยอมรับ
แต่ที่น่าสนใจ คือ “ว่าที่ ผบช.น.”คนใหม่ ชื่อ “พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา” ผบช.ภ.5 ที่ขยับมาคุมนครบาล เพราะต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เชื่อว่าหลายคนคงสงสัย เป็นใคร มาจากไหน มีดีอะไรถึงขนาดสามารถเบียดเจ้าของวลี “มีวันนี้ เพราะพี่ให้”ตกเก้าอี้แม่ทัพเมืองหลวง
ทั้งๆที่ต่างก็รู้กันอยู่ว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยิ่งกว่าแชล็คประกาศตัวชัดเจนเป็นน้องเลิฟพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายนายกฯปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สุดลิ่มทิ่มประตู
“สุเทพ เดชรักษา” อาจจะเป็นชื่อใหม่ ไม่คุ้นหูคนเมืองหลวง แต่ถ้าในแวดวงสีกากี ต้องบอกว่าชื่อนี้ถูกแปะจับจองเป็นเจ้าของรหัส น.1 มาหลายครั้งหลายครา แต่จนแล้วจนรอดก็คลาดกันทุกครา
ตั้งแต่ช่วงพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผบ.ตร. ทำบัญชีแต่งตั้งนายพล ชื่อ “พล.ต.ท.สุเทพ” ก็ปรากฏเป็น ผบช.น. สุดท้ายเคลียร์กันไปมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ขึ้น ผบช.น. พล.ต.ท.สุเทพ ก็นั่ง ผบช.ภ.5
ต้องยอมรับว่า การที่พล.ต.ท.สุเทพพลาดมาคุมนครบาล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้าตัวเองที่ไม่อยากเข้าเมืองหลวง หรือไม่อยากไปอยู่ที่อื่น รวมทั้งภาคใต้ ที่มีเชื้อสายคนนครศรีธรรมราชถิ่นกำเนิดทางภาคใต้ เพราะเส้นทางสีกากีเกือบทั้งชีวิตอยู่พื้นที่ภาคเหนือ จนได้ภรรยาตั้งรกรากอยู่เมืองล้านนา
แม้ช่วงหนึ่งสมัยเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2552 การเมืองเปลี่ยนขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ เข้าเป็นรัฐบาล “สุเทพ เทือกสุบรรณ” กุมบังเหียนรองนายกรัฐมนตรี คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุเทพ จะถูกเด้งเข้ากรุมาเป็น ผบก.อก.จเรตำรวจ ก็ตาม
การเข้ามาอยู่เมืองหลวงช่วงนั้น ทำให้พล.ต.ท.สุเทพห่างจากภาคเหนือพักใหญ่ เพราะสถานที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ และเมื่อขยับเลื่อนตำแหน่งก็ขึ้นเป็น รองผบช.ก. กระทั่งการเมืองเปลี่ยนขั้วอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำรัฐบาล พล.ต.ท.สุเทพ จึงได้กลับถิ่นเก่าเมืองเหนือ เป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5(ผบช.ภ.5)
ตามประวัติ พล.ต.ท.สุเทพ ไม่ใช่นักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.) แบบลูกหม้อเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จบนรต.รุ่น26 แต่จบ นรต.(พ) รุ่น 9 หรือนักเรียนนายร้อยตำรวจพิเศษ ที่รับบรรดาผู้จบปริญญาตรีจากสาขานิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์ เข้าเป็นนายตำรวจสัญญาบัตร ซึ่งก็คือ นักเรียนนายร้อยอบรม เหมือนที่เรียกกันอยู่ในปัจจุบัน
การขยับมาเป็น ผบช.น. ครั้งนี้ จึงไม่เกี่ยวกับรุ่น หรือเกี่ยวกับสถาบัน แต่เป็นเพราะการทำงาน ความไว้เนื้อเชื้อใจในตัวพล.ต.ท.สุเทพ ของทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำพรรคเพื่อไทย ตัวจริงเสียงจริง ตั้งแต่สมัยที่พล.ต.ท.สุเทพ เป็นนายตำรวจเด็กๆอยู่กับ “ไพโรจน์ โล่สุนทร” อดีต ส.ส.ลำปาง และอดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย
โดยเฉพาะตั้งแต่ ปี 2544ที่ “บิ๊กไพโรจน์”ย้ายจากพรรคชาติพัฒนา เข้ามาอยู่ชายคาพรรคไทยรักไทย ของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำให้พล.ต.ท.สุเทพ เป็นที่รู้จักและใช้งานจากพ.ต.ท.ทักษิณและเจ๊แดงมากขึ้น
นอกจากนี้ในแวดวงสีกากี พล.ต.ท.สุเทพ ก็ถือเป็นน้องรักคนหนึ่งของ “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา เลขาฯรมว.แรงงาน(ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) โดยเฉพาะสมัยที่ “บิ๊กอ๊อด”ไปเป็น ผบช.ภ.5 ก็ต่างรู้มือการทำงานกันอย่างดี ทำให้พล.ต.ท.สุเทพ ก็มาสนิทสนมคุ้นเคยกับร.ต.อ.เฉลิม พี่เลิฟพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ตามไปด้วย
คอนเน็คชั่นระดับสุดขั้วแกนนำรัฐบาลเช่นนี้ ล้วนเป็นแรงส่งชั้นดีที่อุ้ม พล.ต.ท.สุเทพ ลงจากภาคเหนือมาเป็น ผู้นำทัพเมืองหลวง เบียดเจ้าของวลีมีวันนี้เพราะพี่ให้อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย หรือเคลือบแคลงใจอะไร
จะมีก็เพียงในสานการณ์การเมืองประชิดขอบสั่นสะเทือนเก้าอี้รัฐบาลเช่นนี้ เหตุถึงเปลี่ยนม้ากลางศึก เหตุใดถึงเลือกนำนายตำรวจที่ไม่คุ้นเคยกรุงเทพฯ ไม่รู้จักพื้นที่เมืองหลวง มาคุ้มนครบาล
หรือจะต้องการแก้เคล็ด หนามยอกเอาหนามบ่ง คนชื่อ “สุเทพ”จัดม็อบ ก็เลยต้องใช้ “สุเทพ”มาปราบ
คิดเล่นๆนะได้ แต่เหตุผลจริงๆคงไม่ใช่เช่นนั้น สาเหตุที่เลือกพล.ต.ท.สุเทพ นอกจากความไว้วางใจแล้ว เชื่อว่าน่าจะต้องการล้างภาพ “คำรณวิทย์”ที่ดูจะแรงมากกว่า “พล.ต.ท.สุเทพ”ที่บุคลิกนิ่มนวล
ที่สำคัญคือคุณสมบัติส่วนตัวของพล.ต.ท.สุเทพ มีซุปเปอร์คอนเน็คชั่นระดับบน น่าจะเข้ามาช่วยลดกระแสข้อครหาฟากฝั่งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องที่ถูกกล่าวเกี่ยวกับเบื้องสูง
โดยเฉพาะเรื่อง “ไอ้โกตี๋” แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี ที่หลายคนมองว่าน่าจะคุ้นเคยกับ “บิ๊กแจ๊ด" รวมทั้งคดี “ตั้ง อาชีวะ”หมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีทีท่าจะติดตามจับกุมตัวมาได้
ด้วยคุณสมบัติครบถ้วนเช่นนี้ จึงไม่น่าจะมีใครแปลกใจ ที่ ““พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา” เข้ามากุมบังเหียนกองบัญชาการระดับเกรดเอ เป็น “ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” คนใหม่