บช.ก.เปิดโครงการอบรมการสืบสวนพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯ เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้แก่ตำรวจคลื่นลูกที่ 3 ตามหลักสากลเพื่อนำไปใช้ในการสืบจับคนร้าย โดยไม่ต้องสุ่มเสี่ยงกับการกระทำเสียเอง
วันนี้ (17 เม.ย.) ที่โรงแรมลันตานา รีสอร์ท ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.เป็นประธานพิธีเปิดโครงการอบรมการสืบสวนพิเศษ (FBI investigation Course) พร้อมร่วมเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และสถาบันกิจการตำรวจสมัยใหม่ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-19 เมษายน 2557 โดยมีนายโจ ฟอนเซกา (Mr.Joe Fonseca) เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ สหรัฐฯ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ต.บุรินทร์ ยมจินดา สว.กก.4 บก.ป.ร่วมให้การต้อนรับและเป็นวิทยากรบรรยาย
ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมรับฟังการอบรมและสัมมนาเชิงวิชาการในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนตำรวจระดับรอง สว.จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธร (บช.ภ.) 1-9 และศูนย์บริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) รวม 20 นาย มีวัตถุประสงค์เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากวิทยากร ข้อแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ ตั้งแต่รับแจ้งเหตุ กระบวนการสืบสวนสอบสวนค้นหาความจริง ตลอดจนการเป็นพยานในชั้นพิจารณาคดี ไปปรับใช้ในการทำงาน และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนตามขอบเขตหน้าที่ของตำรวจ
สำหรับความเป็นมาของโครงการดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ สหรัฐฯ ได้เดินทางมาร่วมวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์ ในคดีนายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง ไม่ทราบนามสกุล อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาฆ่า ด.ญ.อธิตยา เพชรดอน หรือน้องการ์ตูน อายุ 6 ขวบ เหตุเกิดที่บริเวณพงหญ้าใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแบริ่ง ท้องที่ สน.บางนา โดยผู้ต้องหารายนี้ยังมีประวัติเคยก่อเหตุกับเหยื่อที่เป็นเด็กอีกหลายราย จึงมีการหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่อง ได้ร่วมสืบสวนสอบสวนตามแนวทางการสืบสวนสมัยใหม่
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาการคลี่คลายคดีตำรวจมักจะใช้วิธีการที่สุ่มเสี่ยงกับการกระทำผิดเสียเอง แต่นี้ไปนับเป็นโชคดีของประชาชนคนไทยที่ตำรวจคลื่นลูกที่ 3 ได้มาเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้และจะได้รับการถ่ายทอดวิธีการทำงานที่ถูกต้องเป็นสากลไปใช้ ซึมซับให้เพื่อนร่วมงานเห็นเป็นแบบอย่าง การทำงานของตำรวจจำเป็นต้องมีความรู้เป็นอย่างมาก ตำรวจที่ดีจึงควรต้องมั่นหาความรู้และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ผบช.ก.กล่าวต่อว่า เมื่อตำรวจเราทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่ ตามหลักความรู้ที่ถูกต้อง ย่อมส่งผลสำเร็จในการทำงาน เช่น การสามารถสืบจับคนร้ายได้ นอกจากจะได้รับผลงานแล้ว อีกทางหนึ่งก็จะได้รับคำขอบคุณสรรเสริญจากญาติพี่น้องของผู้สูญเสียได้บุญกุศลมหาศาล และที่สำคัญก็จะทำให้ประชาชนรวมถึงสังคมและประเทศชาติสงบสุขนั่นเอง
