ชุดสืบสวนบุคคโล จับสาวใหญ่ลักทรัพย์ตามหมายจับคดีค้างเก่า พบประวัติแสบมีหมายจับฉ้อโกงคดีเช็คเด้งอีกกว่าครึ่งร้อยคดี ผู้เสียหายรุมชี้ตัวมูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่ สน.บุคคโล พ.ต.อ.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผกก.สน.บุคคโล พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปิโยรส กัณหะสิริ รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล พ.ต.ท.วิชิต สินค้า สว.สส.สน.บุคคโล และ ร.ต.ท.ธีรวัตร์ ปัญญาณ์ธรรมกุล รอง สว.สส.สน.มีนบุรี ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นางวันเพ็ญ ศรีคงคา อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 2894/2557 ลงวันที่ 26 ส.ค. 57 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักภายใต้ปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้างเก่าของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
พ.ต.ท.ปิโยรสกล่าวว่า เนื่องจากทางฝ่ายสืบสวน สน.บุคคโล ติดตามไปจับกุมตัวนางวันเพ็ญได้ จึงนำตัวมาสอบสวนโดยให้การปฏิเสธคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืน อ้างว่าไม่รู้เรื่อง จึงให้ประกันตัวออกไปสู้คดีในวงเงิน 150,000 บาท แต่ระหว่างที่ชุดจับกุมตรวจสอบข้อมูลค้างเก่านั้น พบว่า นางวันเพ็ญ มีหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงและ พ.ร.บ.เช็ค ติดตัวอยู่กว่า 60 คดี ส่วนใหญ่เกิดในท้องที่ สน.มีนบุรี จึงประสานฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี ติดตามผู้เสียหายมาชี้ตัว และทำการจับกุมซ้ำอีกครั้ง หลังนางวันเพ็ญได้รับการประกันตัวในคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืนแล้ว
จากการสอบสวนนางวันเพ็ญให้การยอมรับว่า ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้เหยื่อทุกราย เรื่องทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดของตนเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ตนเคยพลาดให้บัตรประชาชนและเซ็นลายมือชื่อให้คนรู้จักผิวเผินคนหนึ่งไป ต่อมาจึงทราบว่า คนที่รู้จักกันนั้นนำชื่อตนไปจดทะเบียนบริษัท และมีการฉ้อโกงกันเกิดขึ้น จนตำรวจออกหมายจับตามล่าตัวตนอยู่ ทำให้ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน กระทั่งปัจจุบันมีอาการป่วยออดๆ แอดๆ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ประกอบกับคิดว่า เรื่องราวต่างๆ เริ่มเงียบแล้ว เลยย้อนกลับมากบดานที่บ้าน ไม่คิดว่าจะถูกตำรวจตามมาจับกุมตัวอีก
ร.ต.ท.ธีรวัตร์ ปัญญาณ์ธรรมกุล รอง สว.สส.สน.มีนบุรี ที่เดินทางมารับตัว นางวันเพ็ญ ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.476/2552 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี อันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนางวันเพ็ญพบว่าเคยเปิดบริษัทชื่อ บจก.ศรีคงคา เอ็นจิเนียริ่ง ประกอบกิจการค้าเคหภัณฑ์วัสดุก่อสร้างเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักร มีออฟฟิศอยู่ในย่านถนนนิมิตใหม่ ท้องที่ สน.มีนบุรี นอกจากนี้ยังมีโกดังเก็บสินค้า ที่ผ่านมาตั้งแต่มีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนางวันเพ็ญ และพวกฐานร่วมกันฉ้อโกงและ พ.ร.บ.เช็ค จนศาลอนุมัติหมายจับมาแล้ว 60 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ขณะนี้มีหมายจับที่ยังไม่ขาดอายุความ รวม 13 คดี จึงติดตามผู้เสียหายที่สามารถติดต่อได้ ราว 6-7 คน มาดูตัวและจับกุมนางวันเพ็ญ ไปดำเนินคดีที่ สน.มีนบุรี ต่อไป
น.ส.มนัสนันท์ ภานนท์สกุล อายุ 33 ปี หนี่งในผู้เสียหายเล่าว่า ตนเปิดบริษัทขายแผ่นอะคริลิกแปรรูป ชื่อ บจก.เอที มีเดีย ในย่านสายไหม โดยโพสต์ข้อความแนะนำสินค้าไว้บนเว็บไซต์พันทิป กระทั่งเมื่อกลางเดือน ม.ค. 2552 มีลูกค้าอ้างชื่อ นางวันเพ็ญ โทรศัพท์มาหาขอสั่งซื้อแผ่นอะคริลิกจากตนจำนวน 2 ล็อต มูลค่ารวม 420,000 บาท โดยให้ไป ส่งที่โกดังของ บจก.ศรีคงคา เอ็นจิเนียริ่ง ซอยนิมิตใหม่ 13 เมื่อตนไปส่งตามนัดก็ได้รับเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขามีนบุรี มา 2 ใบ แต่พอนำเช็คไปขึ้นเงินกลับไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงติดตามย้อนไปทวงถาม ปรากฏว่าบริษัทดังกล่าวปิดหนีไปแล้ว ตอนนั้นรู้สึกเครียดมาก เพราะเพิ่งเปิดบริษัทดำเนินกิจการได้เพียง 1 เดือน ต้องหาเงินผ่อนให้เจ้าหนี้ บริษัทเจ้าของสินค้าที่เบิกมาด้วยความยากลำบาก
ขณะเดียวกันก็พยายามติดตามเรื่องราวหลังแจ้งความไว้กับทาง สน.มีนบุรี จนได้รู้จักกับผู้เสียหายอีกหลายสิบราย ที่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน กระทั่งรวมกลุ่มกันตามล่า นางวันเพ็ญ และ ตำรวจ สน.บุคคโล จับกุมตัวไว้ได้ ผู้เสียหายในกลุ่มเดียวกันนั้นมีบางรายเคยถูกหลอกให้นำรถโฟล์คลิฟต์ ไปส่งที่โกดังได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท ยังมีผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นอน เฟอร์นิเจอร์ ถังน้ำ และอื่นๆ ที่รวมกลุ่มกันตามล่าตัวนางวันเพ็ญอีกจำนวนมาก คำให้การของนางวันเพ็ญที่อ้างว่าโดนหลอกเอาลายเซ็นและบัตรประชาชนไปก็ไม่ใช่ความจริง เพราะตนจดจำน้ำเสียงนางวันเพ็ญได้อย่างแม่นยำ ประกอบกับลายมือชื่อที่เซ็นในเช็คผู้เสียหายทุกใบก็ลายมือเดียวกันทั้งนั้น โดยหลังจากนี้จะติดต่อผู้เสียหายที่เหลือไปแจ้งความเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนต่อไป