xs
xsm
sm
md
lg

ภรรยา ด.ต.เพชรเกษมข่มขืนสาว คุก 20 ปี ร้องศาลรื้อคดีใหม่!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางนภา แอ๊ดมา และนางฐพัฒน์นาถ โททอง มายื่นคำร้องขอให้ศาลอาญารื้อฟื้นคดีใหม่
ภรรยา ด.ต.เพชรเกษมข่มขืนสาว จำคุก 20 ปี ยื่นศาลขอให้รื้อฟื้นคดีใหม่ หลังดีเอสไอสืบสวนพยานหลักฐานพบผู้เสียหายสร้างเรื่องเบิกความเท็จ

วันนี้ (12 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นางฐพัฒน์นาถ โททอง ภรรยา ด.ต.มงคล โททอง และนางนภา แอ๊ดมา ภรรยา ด.ต.นุโลม แอ๊ดมา พร้อมนายธิตินัย พาติกบุตร เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ และนายคมหาญ ไปสุวรรณ์ ทนายความ ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ในคดีหมายเลขดำ อ.4264 /2553 ที่ ด.ต.นุโลม แอ๊ดมา กับพวกรวม 2 คน อดีตตำรวจ สน.เพชรเกษม ต้องคำพิพากษาศาลฏีกาจำคุก 20 ปี ฐานกระทำชำเราหญิงอายุ 16 ปีเศษ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

โดยคำร้องระบุว่า ด.ต.มงคล โททอง และ ด.ต.นุโลม แอ๊ดมา ถูกพนักงานอัยการฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปีเศษ ซึ่งมีใช่ภรรยาโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้เสียหายไม่ยินยอมแล้วได้ผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนผู้เสียหาย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง เหตุเกิดที่ สน.เพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่ากระทำผิดให้จำคุกคนละ 20 ปี และปรับคนละ 40,000 บาท

ต่อมาภรรยายของ ด.ต.มงคล และด.ต.นุโลม ได้ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากภายหลัง น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายได้สารภาพว่าได้ปรักปรำใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษมให้ได้รับโทษจริง ต่อมาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงได้รวบรวมหลักฐานและให้ทนายความฟ้องร้อง น.ส.เอ ข้อหาเบิกความเท็จ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกรวม 18 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษ เหลือจำคุก 9 เดือน

จึงขออำนาจศาลรื้อฟื้นคดีใหม่ อาศัยตาม พ.ร.บ.รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 5 ที่ระบุว่า คดีใดที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้บุคคลใดต้องรับโทษทางอาญาในคดีนั้นแล้วอาจมีการร้องขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ได้ เมื่อปรากฏว่า 1. พยานบุคคลซึ่งศาลได้อาศัยเป็นหลักในการพิพากษาคดีอันถึงที่สุดนั้นได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในภายหลังแสดงว่าคำเบิกความของพยานนั้นเป็นเท็จ หรือไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง 2. พยานหลักฐานอื่นนอกจากพยานบุคคลซึ่งศาลได้อาศัยเป็นหลักในการพิจารณาพิพากษาคดีอันถึงที่สุดนั้น ได้มีคำพิพากษา ถึงที่สุดในภายหลังว่าเป็นพยานหลักฐานปลอมหรือเท็จ หรือไม่ถูกต้องตรงกับความจริง หรือ 3. มีพยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีซึ่งถ้าได้นำมาสืบในคดี จะแสดงว่าบุคคลผู้ต้องรับโทษอาญาโดยคำพิพากษา ถึงที่สุดนั้นไม่ได้กระทำความผิด ทั้งนี้ศาลอาญาได้รับคำร้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งไต่สวนคำร้องต่อไป

ภายหลังนางนภา แอ๊ดมา ภรรยา ด.ต.นุโลมกล่าวว่า สามีต้องคำพิพากษาศาลฎีกาถึงที่สุดให้จำคุก 20 ปี ขณะนี้คุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม มาได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งสามียืนยันความบริสุทธิ์มาตลอด และต่อสู้คดีเรื่อยมา ภายหลังทราบว่าเด็กหญิงผู้เสียหาย ถูกศาลจำคุก 9 เดือนข้อหาเบิกความเท็จ สามีก็ใจชื้นขึ้นว่ายังมีความหวังที่จะได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา

ด้านนายธิตินัย พาติกบุตร เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการ กล่าวว่า ภายหลังภรรยาตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้มาร้องขอความเป็นธรรม ดีเอสไอก็ได้สืบสวนข้อเท็จจริงจนทราบพฤติการณ์ของผู้เสียหาย เชื่อว่าเบิกความเท็จและสร้างเรื่องขึ้นมา เนื่องจากเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองจับกุมหลายครั้ง และภายหลังผู้เสียหายสำนึกผิดจึงยอมรับสารภาพ และถูกฟ้องร้องฐานเบิกความเท็จ ซึ่งศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2556 ให้จำคุกเป็นเวลา 9 เดือนจึงเป็นพยานหลักฐานสำคัญและเข้าหลักเกณฑ์สามารถนำมายื่นคำร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีใหม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น