xs
xsm
sm
md
lg

ตร.นครบาลยุค“คำรณวิทย์” ฆ่าน้อง- ฟ้องนาย -ขายเพื่อน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.
สน.พระอาทิตย์/สามยอด

มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกเหนือจากคำว่า”กลั่นแกล้ง” คำสั่งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง แม่ทัพนครบาล เจ้าของฉายา “มีวันนี้เพราะพี่ให้”ย้าย 4 นายตำรวจ ประกอบด้วยพ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ รอง ผบก.น.7

พ.ต.ท.สถิตย์ สังข์ประไพ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม พ.ต.ต.อิทธิพล สังข์ประไพ สว.สส.บก.น.5 ร.ต.อ.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง รอง สว.กก.สส.บก.น.6 ไปปฏิบัติราชการฝ่ายข่าวกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เป็นเวลา 1 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.2556

เพราะนายตำรวจทั้ง 4 นายที่โดนคำสั่งไปช่วยราชการครั้งนี้ตรวจชื่อ ตรวจนามสกุล ล้วนมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังปลุกม็อบต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เรียกกันว่า พ.ร.บ.สุดซอย อยู่แถวสถานีรถไฟสามเสน

พ.ต.อ.เอกชัยบุญวิสุทธิ์ รองผบก.น. 7 มีศักดิ์เป็นน้องภรรยาพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ต.ท.สถิตย์ สังข์ประไพ รองผกก.สน.สายไหม น้องชายพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ต.ต.อิทธิพล สังข์ประไพ สว.สส.บก.น.5 ลูกชายพล.ต.ต.วิชัย และร.ต.อ.อัษฏาวุธ ขวัญเมือง รองสว.กก.สส.บก.น.6 ลูกชายพล.ต.อ.อัศวิน

แม้พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะชี้แจงว่า ให้ทั้ง 4 นายมาช่วยงาน คือ 1.ช่วยด้านการข่าว และ 2.ประเมินสถานการณ์ เพราะหากประเมินผิดจะนำไปสู่ปัญหาที่สำคัญคือ ให้ช่วยในเรื่องการเจรจาระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะบางทีกลุ่มนายตำรวจที่เราเอามาช่วยเจรจาผู้ชุมนุมอาจไม่เชื่อถือ

พร้อมทั้งออกตัวยืนยัน “ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร และไม่มีอคติเป็นเพียงการดึงมาช่วยราชการ เพื่อเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ผมคุยกับพล.ต.อ.อัศวินแล้ว ทุกอย่างเคลียร์ไม่มีปัญหากัน รวมทั้ง 4 นายตำรวจ ก็เข้ามาคุยกันแล้ว ทุกคนยินดีเต็มใจมา ช่วยกันเพื่อนำพาไปสู่ความสงบ”

ดูเป็นเหตุผลที่หาใช่มีน้ำหนักไม่ เพราะทั้ง 4 รายอยู่ในหน้างานสืบสวน ไม่เคยคลุกคลีกับงานการชุมนุมหรือการเจรจาอะไร ซึ่งหากให้มาหาข่าวกับกลุ่มผู้ชุมนุมถามว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์หรือแม้แต่พล.ต.อ.อดุลย์แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.จะเชื่อข้อมูลตำรวจทั้ง 4 นายโดยบริสุทธิ์ใจหรือไม่

หรือจะให้ตำรวจลูกหลานพล.ต.อ.อัศวิน พลต.ต.วิชัย มาเจรจาขอให้ม็อบเลิกการชุมนุม ถามว่าม็อบจะเชื่อฟังหรืออย่างไรขนาดระดับนายพลมาเจรจาม็อบยังไม่เชื่อ แล้วแค่ระดับนายพัน นายร้อยบางคนชื่อเสียงเรียงนาม หน้าตาเป็นอย่างไร คนทั่วไปยังนึกหน้ากันไม่ออก

เจตนาที่แท้จริงจึงชัดอยู่แล้วว่า การย้ายทั้ง 4 นายออกจากตำแหน่งเดิมชนิดขาดจากต้นสังกัดมาอยู่กองกลาง ไม่น่าจะใช่เรื่อง “งาน”อย่างที่มีการกล่าวอ้างสวยหรู แต่น่าจะเป็นเหตุผล”การเมือง”มากกว่า แต่จะเป็นการเมืองแบบไหนนั่นคือสิ่งที่ต้องพิจารณา

มีบางกระแสพยายามปล่อยข่าว ในทำนองพุ่งเป้าไปในคำสั่งย้าย เพื่อเป็นการ “ตัดไฟแต่ต้นลม”ด้วยอ้างเหตุผลว่าแม้จะเป็นนายตำรวจยศยังไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็เพื่อความไม่ประมาทเลยให้อยู่ในสายตา ให้มองเห็นเผื่อจะได้ไม่ต้องมาเป็นเสี้ยนหนาม หากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ต้องวางแผนหรือการข่าวจะได้ไม่รั่วไหล

แต่นั่นก็ดูจะมีน้ำหนักน้อยเกินไปเพราะตำรวจระดับแค่นี้ไม่น่าจะมีผลอะไรต่อการทำงานของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยิ่ง “ข่าวรั่ว”ยิ่งมีน้ำหนักน้อยมาก เพราะระดับ ผู้กำกับการ(ผกก.)บางคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือไม่ใช่ทีมงาน ยังไม่ได้เข้าร่วมประชุมแล้วระดับรองผกก. สารวัตร ไม่ต้องพูดถึง หรือกลัวคำสั่งจะรั่วไหลเวลาสั่งการก็ดูจะอ่อนเกินไป ไม่ตัด 3-4 คนนี้ออกไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์หรือกลุ่มม็อบจะไม่มีตำรวจพรรคพวกอยู่ในนครบาลเลยหรือไร

“สั่งสอน”และ “ขู่” น่าจะดูมีน้ำหนักมากกว่า เพราะจะเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวแค่ให้มาช่วยราชการเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น เมื่อครบกำหนดก็สามารถกลับเข้าทำงานตามเดิมได้ แต่ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณปรามในลักษณะ “อย่าดื้อ” เพราะที่ผ่านมารัฐบาลพยายามบีบให้กทม.ตัดน้ำเลี้ยงม็อบในการช่วยเหลือ ทั้งรถน้ำ รถสุขา รถปั่นไฟ รวมทั้งสั่งห้ามไม่ให้ชุมนุมในพื้นที่รับผิดชอบของ กทม. แต่ดูเหมือนกทม.จะไม่ค่อยเชื่อฟัง แถมหรี่ตาช่วยอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะม็อบเครือข่าย นักศึกษาประชาชนปฏิรูป ประเทศไทย (คปท.) แยกอุรุพงษ์ ขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและต่อต้านระบอบทักษิณ

ที่สำคัญยังส่งสัญญาณ “ขู่” พ.ต.อ.อัศวินและพล.ต.ต.วิชัย ไม่ให้ใช้ “วิชาแพะ”ช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์มากนัก เพราะต้องไม่ลืมว่าทั้งพล.ต.อ.อัศวิน และพล.ต.ต.วิชัย ชื่อเสียงในงานสืบสวนอยู่ในระดับซือแป๋ การวางหมาก เดินเกมใต้ดิน ย่อมเหนือชั้น ลึกซึ้งมากกว่านนักการเมืองหรือม็อบต่างๆทั่วไป

หากทั้งคู่ใช้“วิชาแพะ”อย่างเต็มที่ การควบคุมดูแลในการป้องกันก็จะยาก เลยต้องมีรายการ “เชือดไก่ให้ลิงดู”!!!

และการเชือดไก่ให้ลิงดูครั้งนี้ก็ส่งสัญญาณไปถึงการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ “นายพัน”สีกากี ระดับ รองผบก.-สารวัตรที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ว่าอาจมีผลต่อทั้ง 4 คนนี้ ถ้ายังไม่หยุดผลิตหมากต่างๆออกมาขับเคลื่อนต่อต้านรัฐบาล

แต่การ“ขู่”ครั้งนี้เป็นฝีมือใครคือคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะอย่าลืมว่า พล.ต.อ.อัศวิน กับพล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.) รุ่น 30 ด้วยกันแม้จะเลือกข้างยืนต่างขั้วกัน แต่ความสัมพันธ์ทางใจก็ต้องมีไม่มากก็น้อย

การเลือก“ฆ่าน้อง- ฟ้องนาย- ขายเพื่อน”จึงไม่น่าจะถูกจุดมาจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เพราะนอกจากความเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันแล้วพล.ต.อ.อัศวินกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ต่างก็อยู่ก๊วนเดียวกันในการทำงานมาก่อนและผ่านเหตุการณ์สำคัญๆรร่วมกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นคดีโจด่านช้างหรืองานอาชญากรรมอื่นๆ

คำสั่งย้ายลูกหลานเพื่อนพ้องน้องพี่จึงน่าจะมีแรงบีบจากฝ่ายการเมืองส่งตรงมาให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ดำเนินการแต่เมื่อมีวันนี้เพราะพี่ให้แล้วก็คงยากที่พล.ต.ท.คำรณวิททย์จะทัดทานความต้องการของผู้มีพระคุณในเมื่อเลือกเดินเส้นทางสายอิงแอบการเมืองเสียแล้ว ก็คงไม่หวั่นหากต้องถูกคำครหา

“ฆ่าน้อง- ฟ้องนาย -ขายเพื่อน”ก็ตาม

กำลังโหลดความคิดเห็น