รอง ปธ.นปช.ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบจริยธรรม “สุขุมพันธุ์” ส่งรถส้วม-รถปั่นไฟให้ม็อบอุรุพงษ์ จี้ใช้ พ.ร.บ.ความสะอาดจัดการ อ้างสมัยตัวเองทำบ้างไม่เคยได้ สองมาตรฐานชัดๆ หวังพิสูจน์องค์กรอิสระเป็นกลางหรือไม่ จ่อยื่น ป.ป.ช.ฟันด้วย ป้อง “นช.แม้ว” ไม่ใช่แกนนำ ไม่ได้ก่อการร้าย ไม่ได้ฆ่าใคร หนุนได้อานิสงส์นิรโทษกรรม
วันนี้ (21 ต.ค.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสมหวัง อัสราษี รองประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีให้การช่วยเหลือ สนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ปักหลักชุมนุมบริเวณแยกอุรุพงษ์ โดยนายสมหวังกล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม.ให้การสนับสนุน โดยนำรถปั่นไฟ ห้องสุขา ที่มีตราสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร และระบุข้อความ “ใช้ในราชการเท่านั้น” ไปคอยอำนวยสะดวกให้กับผู้ชุมนุม ทั้งที่การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาล เข้าข่ายกระทำการล้มล้างการปกครองฯ ถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งกรุงเทพมหานคร อยู่ภายใต้กำกับดูแลของรัฐบาล จึงไม่ควรสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย แต่ควรดำเนินการเอาผิดซึ่งสามารถใช้ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด หรือ พ.ร.บ.จราจรทางบกมาจัดการได้ จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งดำเนินการตรวจสอบ โดยได้นำภาพถ่ายเครื่องปั่นไฟของกรุงเทพมหานครที่ติดตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม คปท.มามอบเป็นหลักฐานด้วย
นายสมหวังยังกล่าวอีกว่า สมัยที่ นปช.ชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่เคยได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้ว่าฯ กทม.เลยแม้แต่รถสุขา ที่กลุ่ม นปช.ขอไป 5 คันก็ได้มาเพียง 1 คันเท่านั้น ต้องจัดหาเองทั้งการขอความร่วมมือจากเทศบาลตำบลในจังหวัดปริมณฑล หรือว่าจ้างจากเอกชน จึงเห็นว่าการสนับสนุนการชุมนุมกลุ่ม คปท.ของผู้ว่าฯ กทม.เป็นลักษณะสองมาตรฐาน ไม่มีความยุติธรรม และการยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินครั้งนี้ก็ต้องการพิสูจน์ ว่า องค์กรอิสระซึ่งเราเห็นว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยให้ความเป็นธรรมกับกลุ่ม นปช.จะมีความเป็นกลางหรือไม่ และในวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค) มีหน่วยงานของรัฐ จะเดินทางไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องเดียวกัน
รองประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ยังกล่าวถึงร่าง พ.ร.บ นิรโทษกรรม ที่จะมีการนิรโทษกรรมให้กับแกนนำ ผู้ชุมนุม และผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองหลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 ว่า แกนนำ นปช. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ผอ.ศอฉ. ต่างก็ประกาศแล้วว่าไม่ขอรับการนิรโทษกรรมตามกฎหมายนี้ แต่ในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แกนนำ นปช. ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย ไม่ได้ฆ่าคน หรือสั่งสลายการชุมนุม เป็นเพียงคนเสื้อแดงที่เรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรมเท่านั้น จึงเห็นด้วยที่จะมีการนิรโทษกรรมให้กับคนทุกสีเสื้อที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ยกเว้นคนที่เป็นแกนนำและคนสั่งการ
“ร่าง พ.ร.บ.นี้ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการ ถือว่ายังไม่สะเด็ดน้ำ ยังไม่ตกผลึก เชื่อทุกฝ่ายก็เห็นปัญหาว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากมีการปรับแก้ให้เป็นลักษณะนี้ ดังนั้นฝ่ายที่เกี่ยวข้องน่าจะหลีกเลี่ยงปัญหา เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุม็อบชนม็อบ และอยากฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่ารัฐบาลเหลือเวลาเพียงปีเศษก็จะต้องมีการเลือกตั้ง ถ้าไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลก็รอให้ถึงการเลือกตั้งแล้วให้ประชาชนเป็นคนตัดสินดีกว่า เพราะเราก็ไม่อยากให้เกิดวังวนเดิมที่จะมีการชุมนุม ยึดอำนาจรัฐประหารกันอีกรอบ” นายสมหวังกล่าว
