ดีเอสไอร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมผู้ต้องหาลักลอบขุดแร่เถื่อน 3 ราย ในพื้นที่เขาทับควาย จ.ลพบุรี พร้อมของกลางแบ็กโฮ 3คัน รถพ่วง 9 คัน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (21 ต.ค.) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ พ.ต.ท.ปรีชา มีใจดี รองผู้บัญชาการสำนักอาญาพิเศษ 3 พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้อำนวยการส่วน 1 สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 นายพงศ์วริศภณ ปิยะชน เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส สำนักงานจัดการป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) พ.ต.ท.ชัยวิณ เล่มทอง ผอ.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เขต 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สภ.โคกสำโรง ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขุดแร่ 3 ราย คือ นายนิพนธ์ วงศ์น้ำคำ อายุ 36 ปี คนขับรถแบ็กโฮ นายบิณ ดาระดาษ อายุ 23 ปี คนขับรถแบ็กโฮ และนายภานุวัฒน์ ดาวกระจาย อายุ 19 ปี คนซ่อมบำรุงรถแบ็กโฮและขับรถ พร้อมของกลางรถแบ็กโฮ 3 คัน และรถพ่วง 9 คัน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00-19.00 น.เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ นำโดย นายพงศ์วริศภณ ปิยะชน เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส สำนักงานจัดการป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ พ.ต.ท.ปรีชา มีใจดี รองผู้บัญชาการสำนักอาญาพิเศษ 3 พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้อำนวยการส่วน 1 สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สภ.โคกสำโรง ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 3 ราย พร้อมด้วยของกลาง โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันก่นสร้าง แผ้วถางป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าฯ ตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกสำโรง เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้จากการที่อธิบดีดีเอสไอได้ตั้งคณะทำงานสืบสวน ให้ทำการสืบสวนกรณีมีการลักลอบแผ้วถางพื้นที่ป่าไม้และขุดตักแร่เหล็กในพื้นที่เขาทับควาย ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จนนำไปสู่การเข้าตรวจสอบพื้นที่เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2556 โดยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการอายัดธรณีวัตถุคล้ายแร่เหล็กที่มีการลักลอบขุดในพื้นที่ใกล้เกี่ยวพันกับกองแร่ประมูลของบริษัทเอกชน 2 ราย คือ ริชฟิลด์ กรุ๊ป ที่ครอบครองแร่ดังกล่าว 1 หมื่นกว่าตัน และอาภารุ่งเรืองธุรกิจ ครอบครอง 6,500 ตัน เนื้อที่รวมประมาณ 50 ไร่ ไว้ดำเนินคดีแล้ว ต่อมายังพบว่ามีกลุ่มผู้กระทำผิดที่มีอิทธิพลและเกี่ยวข้องกับโรงแต่งแร่แห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ได้ลักลอบเข้ามาแผ้วถางพื้นที่และขุดตักแร่เหล็กในพี้นที่ที่มีการดำเนินคดีไว้เดิม เจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ไว้อีกครั้งเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2556 อย่างไรก็ตามในวันจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลกลุ่มเดิมได้ว่าจ้างให้รถแบ็กโฮจำนวน 3 คัน และรถพ่วงอีกจำนวนหลายคันเข้ามา เพื่อตักแร่ที่เคยลักลอบขุดไว้ไปเข้าโรงแต่ง จึงได้วางแผนจับกุม แต่ขณะเข้าจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องได้แยกย้ายกันหลบหนี และทิ้งรถพ่วงที่ตักแร่บรรทุกไว้ในรถแล้วจำนวน 3 คัน และมีรถบรรทุกพ่วงที่รถบรรทุกอยู่ในที่เกิดเหตุอีก 6 คัน จึงได้ยึดไว้ทำการตรวจสอบขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังต่อไป
พ.ต.ท.อานนท์ กล่าวว่า ในการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีการลักลอบขุดตักแร่ในพื้นที่ดังกล่าวใส่รถพ่วงเพื่อเตรียมที่จะนำออกนอกพื้นที่ไปเข้าโรงแต่งแร่ จำนวน3คัน และมีการเตรียมรถพ่วงเพื่อที่จะบรรทุกลำเลียงแร่อีก 6 คัน ส่วนราคารับซื้อแร่นั้นอยู่ที่ตันละ2,200 บาทต่อตัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับมาตรการความเข้มข้นในการจับกุมในพื้นที่ดังกล่าวนั้นในส่วนของดีเอสไอจะมีความเข้มข้นมากเพียงใดที่จะได้ข้อยุติ พ.ต.ท.อานนท์ กล่าวว่า พื่นที่บริเวณดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ที่ดีเอสไอเฝ้าระวังอยู่ และป้องกันไม่ให้มีการกระทำความผิดเนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการลักลอบทำแร่เหล็กเถื่อน เพราะว่าบริเวณนี้เป็นบริเวณที่เป็นแหล่งแร่คุณภาพดี ซึ่งก็มีการกระทำความผิดในพื้นที่นี้บ่อยครั้ง
เมื่อถามว่าหลังจากนี้ดีเอสไอจะมีการประสานงานกับทาง ป.ป.ท.อย่างไรบ้าง เนื่องจากการกระทำผิดในข้างต้นนั้นเป็นพฤติกรรมที่ทำแล้วทำอีกแสดงให้เห็นว่าไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลังในการกระทำดังกล่าว ผู้อำนวยการส่วน 1 สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กล่าวว่า ในส่วนนี้ทาง พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข เลขาธิการ ป.ป.ท.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ภาค 1 มาร่วมประสานข้อมูลและทำการตรวจสอบว่าในส่วนนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งข้อมูลทางการสืบสวนสอบสวนนั้นทางดีเอสไอก็เชื่อว่าการลักลอบขุดแร่เถื่อนในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีอุปกรณ์และเครื่องมือจำนวนมากขนาดนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐน่าจะมีส่วนรู้เห็น ทั้งนี้รถพ่วงทั้ง 9 คันนั้นมีสติกเกอร์ติดหน้ารถ เพื่อเป็นใบเบิกทางในการขนแร่เถื่อน โดยสติกเกอร์ดังกล่าวใช้ตัวย่อ JTM
นายภานุวัฒน์ สารภาพว่า นายหม่อง ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง อายุประมาณ 40-50 ปี จ้างให้ไปขุดแร่ในพื้นที่ดังกล่าว และเป็นผู้ที่มาชี้จุดให้ตัก ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าถูกหรือผิดกฎหมาย โดยได้ค่าจ้างวันละ 400 บาท
สำหรับพื้นที่เขาทับควาย เป็นแหล่งแร่เหล็กที่มีคุณภาพดีอยู่ในพื้นที่ป่าไม้เกี่ยวพันกับพื้นที่ทหาร และมีพื้นที่บางส่วนกรมศิลปากรได้ประกาศเป็นเขตโบราณสถานเหมืองแร่เก่า เดิมพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่ที่มีประทานบัตรและได้หมดอายุไปแล้ว ซึ่งพื้นที่นี้มีกองแร่ประมูลของบริษัทเอกชน 2 ราย อยู่ในพื้นที่และเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลลักลอบขุดตักแร่โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายอยู่เป็นประจำ และการดำเนินการในครั้งนี้ดีเอสไอได้รับการประสานจากสำนักงาน ป.ป.ท.ภาค 1 เพื่อขอเข้าร่วมตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐรู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต่อไป