xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอมึนอัยการสั่งไม่ฟ้อง บ.พีซีซี ชี้ไม่มีผลต่อสำนวนที่ส่ง ป.ป.ช.ฟัน “มาร์ค-สุเทพ”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ดีเอสไอมึน อัยการสั่งไม่ฟ้อง บ.พีซีซี จี้กลุ่มงานความเห็นแย้ง ดีเอสไอ เร่งพิจารณากรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีทุจริตโครงการก่อสร้าง สภ.ทดแทน อธิบดีดีเอสไอมีแนวโน้มจ่อทำความเห็นแย้งว่าเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท พีซีซี ส่งไปยังอัยการสูงสุด ย้ำไม่มีผลต่อสำนวนที่ส่งไป ป.ป.ช.

กรณีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ส่งหนังสือแจ้งดีเอสไอโดยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด กับพวกรวม 3 คน ในคดีโดยทุจริตร่วมกันเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ โดยรู้ว่าราคานั้นต่ำมากเกินกว่าปกติ จนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการกระทำเช่นว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 8 หรือคดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง มูลค่า 5,848 ล้านบาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และอัยการยังสั่งไม่ฟ้องบริษัท พีซีซี คดีฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วงอีกหนึ่งคดี

ความคืบหน้า วันนี้ (11 ต.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีอัยการฝ่ายคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้องคดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งว่า ตนได้มอบหมายให้กลุ่มงานความเห็นแย้ง ดีเอสไอ พิจารณากรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน เบื้องต้นมีแนวโน้มว่าตนในฐานะอธิบดีดีเอสไอจะทำความเห็นแย้งว่าเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท พีซีซี ส่งไปยังอัยการสูงสุดตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสำนวนที่ดีเอสไอได้ส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรณีโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนเช่นกัน เพราะเป็นคนละส่วนกัน อีกทั้ง ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว

พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ (ระดับ 9) ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง มูลค่า 5,848 ล้านบาท กล่าวว่า ข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน และคดีฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วงเป็นเรื่องจริง ทราบว่าขณะนี้อธิบดีดีเอสไอได้มอบให้กลุ่มความเห็นแย้งศึกษาคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าวเพื่อพิจารณาว่าจะทำความเห็นแย้งสั่งฟ้องคดีอีกครั้งหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาจากการสอบสวนดีเอสไอยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนเพียงพอที่จะสั่งฟ้องได้

มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีที่ดีเอสไอส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ไต่สวน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีดีเอสไอ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2556 ว่า โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง มูลค่า 5,848 ล้านบาท ของ สตช.จากการตรวจสอบดีเอสไอไม่พบข้อเท็จจริงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลขณะนั้น และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กำกับดูแล สตช.ขณะนั้น ได้มีการสั่งการให้แก้ไขการรวมประมูลโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียวแต่ประการใด กลับได้อนุมัติให้ สตช.ดำเนินการจัดจ้างแบบรวมการก่อสร้างในแบบสัญญาเดียว ดีเอสไอจึงส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สว ว่าเข้าข่ายตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา หรือไม่

ส่วนกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ที่ดีเอสไอระบุว่าได้อนุมัติให้ สตช.จัดหารวมกันในครั้งเดียว ดีเอสไอส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า จะเข้าข่ายเป็นการกำหนดเงื่อนไขโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 13 ประกอบ มาตรา 11 และมาตรา 12 หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น