ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นประเด็นร้อนที่อยู่ในความสนใจและต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์การชุมนุมของมวลชนกลุ่มต่างๆ เพื่อคัดค้านการยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระแรก ซึ่งจากการประเมินของฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจ คาดการณ์ว่าม็อบคราวนี้จะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาและอาจซ้ำรอยเหตุการณ์ วันที่ 7 ต.ค.51 ซึ่งครั้งนั้นตำรวจตัดสินใจใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงได้ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง พร้อมมีคำสั่งตั้ง ศอ.รส.ขึ้นมาบัญชาการคุมม็อบ และใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก จึงได้มีการระดมกำลังตำรวจจากหน่วยต่างๆ ทั้งจากส่วนกลางและภูธร ร่วมหมื่นนาย ทว่า ผิดคาด เพราะสถานการณ์การชุมนุมของม็อบพรรคประชาธิปัตย์ และกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด
แต่กระนั้นก็ยังเกิดเหตุการณ์งามหน้าขึ้นจนได้ เมื่อปรากฏภาพการตั้งวงเล่นไฮโลของตำรวจชุดควบคุมฝูงชนที่ถูกเกณฑ์มาดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุม เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสม ขณะเดียวกันกรณีนี้ยังเป็นการฉีกหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างยับเยิน ประจานถึงความหย่อนยานในระเบียบวินัยของกำลังพล รวมถึงการไม่เอาใจใส่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของบรรดาบิ๊กตำรวจทั้งหลายที่ปล่อยปละละเลยให้ลูกน้องแตกแถวไปก่อเรื่องงามหน้า
กรณีที่เกิดขึ้นจึงไม่แปลกที่หลายคนจะโยงเข้ากับเหตุการณ์ที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนทำร้ายร่างกายสื่อมวลชน ในการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะตำรวจที่ไร้วินัยเหล่านั้นไม่มีความอดทนต่อการยั่วยุ และคิดว่ากลุ่มสื่อมวลชนที่ถูกทำร้ายเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม
ที่สำคัญคือ กรณีนี้เกิดขึ้นทั้งที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ซึ่งสวมหมวก ผอ.รส.อีกใบ ได้กำชับกำลังพลที่มาปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ให้ตั้งมั่นอยู่ในระเบียบวินัย อดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ แต่ที่ไหนได้ยังไม่ทันเจอม็อบ แต่กลับไม่สามารถอดทนต่อกิเลสที่อยู่ภายในได้
อย่างไรก็ตามหลังเป็นข่าวฉาวโฉ่ “เดอะแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างขึงขัง ว่า จะสั่งให้ตำรวจทั้ง 11 นาย ที่ปรากฏในภาพออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งการให้สอบสวนเอาผิดอย่างเฉียบขาด
“ถ้าเราเอาไว้ต่อไป ตำรวจนอกหน่วยอื่นที่เขาเข้ามาช่วยตำรวจนครบาลดูแลการชุมนุมมาพบเห็นตำรวจนครบาลเล่นพนันทำตัวเลวเสียเองคงไม่ดี ผมเห็นสมควรแล้วที่ต้องสั่งให้ออกจากราชการไปเสีย โดย บช.น.จะทำเรื่องเสนอ ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ออกจากราชการทั้งหมด แต่หาก ผบ.ตร.ไม่ออกคำสั่ง บช.น.ก็จะออกคำสั่งไล่ออกเอง ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว การทำแบบนี้ไม่มีระเบียบวินัยต้องให้ออกอย่างเดียว” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุ
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีการให้ตำรวจทั้ง 11 นายออกจากราชการไว้ก่อนตามที่ ผบช.น.ระบุ โดย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ โฆษก บช.น.อ้างว่าต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนว่ามีการเล่นการพนันกันจริงหรือไม่ โดยให้ตำรวจทั้ง 11 นาย เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน ขณะนี้ให้ทั้งหมดกลับต้นสังกัดไปแล้ว และยังอยู่ในราชการอยู่ ยังไม่ได้ให้ออกไว้ก่อน ซึ่งต้องมีการสอบสวนก่อน หากมีการกระทำความผิดจริงก็จะลงโทษต่อไป โดยความผิดของตำรวจมี 2 ประการ คือ ผิดวินัยร้ายแรง และไม่ร้ายแรง
สำหรับตำรวจทั้ง 11 นายที่ปรากฏอยู่ในภาพ ประกอบด้วย 1.ด.ต.สมัคร จุฑาเลิศ สังกัด สน.คลองตัน 2.ด.ต.สถิตย์ สุขสังข์ สังกัด สน.คลองตัน 3.ด.ต.พีรพัฒน์ ศรีชัยแสง สังกัด สน.บางนา 4.ด.ต.บรรจง โกศลจิตร สังกัด สน.ลุมพินี 5.ด.ต.วีรพันธ์ บุรพันธ์ สังกัด สน.ลุมพินี 6.ด.ต.ฤกษ์สงัด บุญประทุมเวท สังกัด สน.ลุมพินี 7.ส.ต.อ.สุเมธ จูมัจฉา สังกัด สน.ลุมพินี 8.ร.ต.ต.วัฒนา น้อยบุรี สังกัด สน.ลุมพินี 9.ด.ต.ประวิช บุญมาสูงทรง สังกัด สน.ทุ่งมหาเมฆ 10.จ.ส.ต.เกรียงไกร ไชยพูน สังกัด สน.ท่าเรือ และ 11.ด.ต.ดำรงศักดิ์ เครือตา สังกัด สน.ทองหล่อ
ส่วนอีกกรณีที่ถูกกล่าวถึงไม่แพ้กันกับการปรากฏภาพ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี แต่งกายในชุดตำรวจปราบจลาจล หน้าอกปักชื่อ “ขวัญชัย สาราคำ” ระบุสังกัด ภ.จว.อุดรธานี และติดบัตรผู้ประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณภายในอาคารรัฐสภา สร้างความกังขาให้กับผู้คนว่าเหตุใดนายขวัญชัย ซึ่งไม่ได้เป็นตำรวจ ไฉนจึงสามารถแต่งชุดตำรวจ ที่สำคัญได้เข้าไปอยู่ในแนวการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจได้
ภายหลัง พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ภ.อุดรธานี ออกมาช่วยแก้ต่างว่า นายขวัญชัยเป็นที่ปรึกษาของตน แต่ไม่ได้มีการรับเงินเดือนจากทางราชการแต่อย่างใด ซึ่งเป็นงานที่ทำหน้าที่คอยปรึกษาเรื่องต่างๆ ในการทำงาน ส่วนชุดที่นายขวัญชัยใส่นั้น ก็เป็นชุดที่นายขวัญชัยจัดหามาใส่เอง ไม่ได้เกี่ยวกับทางต้นสังกัด
“ชุดที่ใส่มีเครื่องแบบคล้ายชุดตำรวจปราบจลาจลนั้น ผมไม่รู้เรื่อง แต่เห็นรูปแล้ว ก็ไม่มีการติดยศอะไร อย่างไรก็ตามต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ถ้าไม่ตรวจสอบแล้วเอาไปพูด จะเกิดความเสียหายได้ แต่เบื้องต้นทราบว่า นายขวัญชัย อาจเดินทางไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มที่คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เท่านั้น” พล.ต.ต.บุญลือ กล่าว
การออกมาแก้ต่างของ พล.ต.ต.บุญลือ อาจถูกมองได้ว่าเจ้าตัวมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับนายขวัญชัย ขณะเดียวกันเครื่องแบบที่นายขวัญชัยสวมใส่ ระบุสังกัด ภ.จว.อุดรธานี แต่กระนั้นสิ่งที่ พล.ต.ต.อุดร ไม่พูดถึง คือ แม้จะเป็นที่ปรึกษา ผบก.ก็ไม่มีระเบียบข้อไหนที่ระบุว่ามีสิทธิแต่งเครื่องแบบตำรวจได้ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 108 ผู้ใดแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 5 ปี ขณะที่มาตรา 100 ผู้ใดแต่งกายเลียนแบบตำรวจ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 1 พันถึง 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับพฤติการณ์ของนายขวัญชัยจะเข้าองค์ประกอบฐานใดคงต้องให้ตำรวจเป็นผู้พิจารณา
ขณะที่ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ โฆษก บช.น.ระบุว่า กรณีของนายขวัญชัย ได้ตรวจสอบไปยัง พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ซึ่งได้รายงานมาว่า นายขวัญชัย ผ่านการอบรมอาสาสมัครตำรวจ หรือตำรวจบ้าน ของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี โดยเข้าอบรมเมื่อวันที่ 18-20 เม.ย. 2556 เป็นรุ่นที่ 3 ซึ่งในกรณีนี้ เมื่อผ่านการอบรมตามหลักสูตรตำรวจบ้าน เครื่องแบบของตำรวจบ้านก็สามารถไปตัดเองได้ แต่ต้องไม่ติดยศ
“จากการตรวจสอบนายขวัญชัย ก็ไม่ติดยศตำรวจแต่อย่างใด มีเพียงอาร์มบ่งบอกว่าเป็นอาสาสมัครเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ตำรวจได้มา หากไม่ตรงตามข้อเท็จจริงก็ยังต้องตรวจสอบต่อไป ตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบตำรวจ โดยหากแต่งกายคล้ายหรือเหมือนกับตำรวจก็จะมีความผิด แต่ตรวจสอบแล้วนายขวัญชัยก็มีสิทธิ์ที่จะแต่งได้ เพราะไม่ได้ติดยศ และผ่านการอบรมอาสาสมัครด้วย”
โฆษก บช.น.กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากแสดงตนเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้านจริงก็ทำได้ และตำรวจตรวจสอบนายขวัญชัยแล้ว ก็พบว่าไม่ได้ไปทำหน้าที่อะไรที่คล้ายตำรวจ และยังไม่พบความผิดใดๆ
กรณีที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ “ขวัญชัย ไพรพนา” ผู้นี้ใหญ่โตจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีคลิปเสียงของนายขวัญชัย ที่ระบุว่า จ.อุดรธานี เป็นของตน สามารถให้การช่วยเหลือในเรื่องการโยกย้ายข้าราชการตำรวจได้ และมีการระบุถึงการแต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญลือ ให้ขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้!...เอากับเขาสิ ขนาดตั้งนายพลยังทำมาแล้ว ประสาอะไรกะแค่แต่งเครื่องแบบตำรวจ
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นยังทำให้เห็นชัดเจนว่า แท้ที่จริงแล้ว ตำรวจ (ส่วนใหญ่) และคนเสื้อแดง คือคนกลุ่มเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย แถมการที่นายขวัญชัยแต่งชุดตำรวจบ้านเข้ามาเดินกร่างได้ อาจจะเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่เตรียมเอาไว้สำหรับรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมหากเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นได้
