ขวัญชัย สวมชุดปราบจลาจลใบเสร็จ แดง-ตำรวจ หลอมเป็นเนื้อเดียว !!

ผ่าประเด็นร้อน

เป็นข้อดีของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งกล้องจากโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งการโพสต์ขึ้นเฟสบุกส์สื่อสารเปิดโปงในโลกออนไลน์กันให้เห็นได้อย่างจะจะ ประชาชนทุกคนก็สามารถเป็นนักข่าว ตรวจสอบความชั่วความเลวของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เห็นกันได้อย่างจะจะ

กรณีที่เกิดขึ้นกับ ขวัญชัย ไพรพนา หัวโจกคนเสิ้อแดงในนามชมรมคนรักอุดร ที่มีภาพปรากฏในโลกโซเชียลมีเดียในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล กำลังแอ๊กท่าเดินปะปนอยู่กับตำรวจในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งสถานที่ปรากฏในภาพดังกล่าวน่าจะเป็นพื้นที่หน้ารัฐสภา ที่ถูกกำหนดเป็นเขตพิเศษห้ามคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเพ่นพ่านเป็นอันขาด เพราะมีการประกาศเป็น “พื้นที่ความมั่นคง” ตามพระราชบัญญัติความมั่นคงฯ แต่เมื่อได้เห็นภาพของขวัญชัย ที่มีท่าทาง “กร่าง” ลักษณะท่าทางไม่ต่างจากระดับ “ผู้บัญชาการเหตุการณ์” เลยทีเดียว

คำถามที่ตามมาก็คือ ขวัญชัย ไพรพนา เป็นใคร มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของทางราชการในครั้งนี้อย่างไร และในเมื่อรับรู้กันว่าไม่ได้เป็นตำรวจ แล้วสามารถแต่งกายในเครื่องแบบตำรวจได้อย่างไร และใครเป็นคนอนุญาต เพราะบุคคลทั่วไปไม่มีทางเดินเข้าไปในพื้นที่ “หวงห้ามเด็ดขาด” แบบนั้นได้อย่างแน่นอน

ที่ผ่านมาหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า คนเสื้อแดงเป็นพวก “มีเส้น” เพราะแค่มีบัตร นปช.ก็เหมือนเป็น “ใบเบิกทาง” ได้รับสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น ขับรถทำผิดกฎจราจร หรือเจอด่านตรวจแค่ควักบัตรออกมาแสดงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปล่อยให้ผ่านไป แสดงให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน “เสื้อแดงกับตำรวจมะเขือเทศ” ที่อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณเดียวกัน ซึ่งก็มีเสียงนินทาลับหลังอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมาสนับสนุนยืนยันให้เป็นจริงเป็นจัง

หากจะให้โฟกัสแคบเข้ามาเน้นกันเฉพาะ ขวัญชัย ไพรพนา ก่อน เพื่อแสดงภาพให้เห็นชัดเจนขึ้นว่า ตำรวจกับเขามีความสัมพันธ์แนบแน่นกันอย่างไร เมื่อพิจารณาจากข่าวก่อนหน้านี้ว่านายตำรวจคนไหนในจังหวัดอุดรธานี รวมไปถึงฝ่ายปกครองหากอยากได้ตำแหน่งสำคัญก็ต้องไปวิ่งเต้นกับเขา หรือต้องให้เขาเห็นชอบ แม้ว่าไม่อยากจะพูดถึงเรื่องอัปมงคลแบบนี้ออกมา เพราะจะกลายเป็นว่าไปให้ความสำคัญกันเกินไป แต่มีความเคลื่อนไหวแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่ที่ผ่านมา ขวัญชัย ยังมีคดีอาญาติดตัว รวมไปถึงข่าวเมาท์ว่าคนใกล้ชิดก่อคดีอื้อฉาวในห้างเซ็นทรัลเวิลด์หลังเกิดเหตุจลาจลจากการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่าเขาแต่งเครื่องแบบตำรวจปราบจลาจลและเข้ามาในเขตหวงห้ามได้อย่างไร

การปรากฎตัวของ ขวัญชัย อย่างที่เห็นในภาพถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ และยิ่งทำให้เพิ่มน้ำหนักขึ้นไปอีกว่าคนเสื้อแดงได้กลายเป็นกองกำลังช่วยเหลือตำรวจ กลายเป็นวิวัฒนาการจาก “ชายชุดดำ” เมื่อครั้งเกิดการจลาจลเมื่อปี 2553 มาเป็นคนเสื้อแดง และล่าสุดกลายเป็น “กองกำลังผสม” ซุกซ่อนอยู่ในคราบของตำรวจ เป็นการรวมหัวกันกับพวกตำรวจมะเขือเทศจัดการกับฝ่ายตรงข้าม โดยใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือ

เพราะหากพิจารณาจากใบเสร็จภาพถ่ายที่ประจานออกมาในโลกโซเชียลมีเดีย ดังกล่าวมันก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่านี่แหละคือการสถาปนา “รัฐตำรวจ” เต็มรูปแบบ ซึ่งในความหมายที่ว่านี้ไม่ได้จำกัดขอบเขตแค่กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจมะเขือเทศที่สวามิภักดิ์ ต่อ ทักษิณ ชินวัตร และในนามของ “ระบอบทักษิณ” เท่านั้น แต่เป็นการหลอมรวมเอากองกำลังเสื้อแดงเข้าไปด้วย ดังจะเห็นได้จากในภาพที่ปรากฎขวัญชัย ออกมาอย่างชัดเจน นั้นทำให้คิดไปไกลว่ากำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระดมมาจากทั่วประเทศเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยในกรุงเทพมหานครที่ประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคง ซึ่งจากการคาดการณ์กำลังทั้งหมดทั้งด้วยสายตาที่เห็นและตามรายงานข่าวน่าจะมีจำนวน “นับหมื่น” นาย คำถามก็คือในจำนวนนั้นมีคนเสื้อแดงปะปนอยู่กี่คน รับรองว่าต้องไม่ใช่มีแค่ขวัญชัย ไพรพนา เพียงคนเดียวแน่

แม้ว่าพอมีภาพดังกล่าวเผยแพร่ในโลกออนไลน์ เป็นการประจานให้เห็นจนเถียงไม่ออก ไม่ต่างจากการ “จำนนต่อหลักฐาน” จนทำให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งก็พอเดาออกอยู่แล้วว่าผลจะออกมาอย่างไร การสอบสวนที่เกิดขึ้นมันก็ถูกมองได้ว่าเป็นเพียงแค่ “ปาหี่” ในช่วงที่สังคมกำลังจับตาและโวยวายขึ้นมาเท่านั้น ไม่ต่างจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกลุ่มที่จับกลุ่มกัน “เล่นไฮโล” ในที่พัก หลังจากผลัดเวรจากการเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งมีภาพประจานออกมาจนมุมจนเลี่ยงไม่ออก และในที่สุดก็มีการสั่งให้ออกจากราชการเอาไว้ก่อน และตั้งกรรมการสอบสวน แต่มันจะเชื่อได้หรือไม่ว่านี่คืออีก “ปาหี่” หนึ่ง หน้าฉากทำขึงขัง แต่เวลาผ่านไปพอเรื่องเงียบ ทุกอย่างก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อย่างไรก็ดีปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นมันสะท้อนให้เห็นว่าหากคนเสื้อแดงได้หลอมรวมกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ปฏิบัติการจัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ดังที่มีภาพของ ขวัญชัย ไพรพนา เผยแพร่ออกมาเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ มันก็ยิ่งเป็นเรื่องอัปยศ กลายเป็นว่าตำรวจไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่พิทักษ์ระบอบทักษิณ อย่างเต็มรูปแบบ ปฏิเสธ เถียงไม่ออก !!