ศาลฎีกานักการเมืองนัดสอบคำให้การ “นพดล ปัทมะ “อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ร่วมคดีเขาพระวิหาร โดยไม่ผ่านรัฐสภา เจ้าตัวให้การปฏิเสธยันลงนามเพื่อประโยชน์ชาติ และได้ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศแล้ว
วันนี้ (2 ส.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายเอกชัย ชินณพงศ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะรวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์นัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำ อม.3/2556 ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีที่นายนพดลไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิ.ย. 2551 ที่สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 190
โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธ และแถลงขอศาลยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติม พร้อมกับขอขยายระยะเวลาในการยื่นคำให้การดังกล่าว
องค์คณะผู้พิพากษาฯ ได้พิจารณาแล้วอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำให้เป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมภายใน 60 วัน หากไม่ยื่นตามกำหนดให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจโดยให้นัดตรวจพยานหลักฐานโจทก์-จำเลย ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.โดยให้คู่ความสองฝ่ายยื่นระบุบัญชีพยาน ภายใน 14 วัน ก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน และให้ยื่นรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นการนำสืบโต้แย้งพยานหลักฐานภายใน 7 วัน ก่อนวันนัด
นอกจากนี้ องค์คณะผู้พิพากษาฯ ได้พิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสลากออมสินมูลค่า 2 ล้านบาท ที่จำเลยยื่นแล้ว เห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย ในระหว่างพิจารณาคดี โดยตีราคาประกัน 2 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ภายหลังนายนพดล ปัทมะ กล่าวว่า ตนได้ให้การปฏิเสธต่อศาลในข้อกล่าวหาที่ถูก ป.ป.ช.ฟ้อง ว่าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ยืนยันว่าสิ่งที่ทำลงไปเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและคดีนี้ตนมีพยานบุคคลจำนวนมากที่จะนำเข้าไต่สวน เช่น นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ พร้อมทั้งจะนำพยานเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สถานทูตต่างๆ และแผนที่ทางการทหารยื่นต่อศาลด้วย
ส่วนที่ศาลกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวโดยห้ามเดิมทางไปต่างประเทศนั้น คงจะต้องขออนุญาตเป็นครั้งคราวไปซึ่งอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล
เมื่อถามว่าคดีนี้เท่ากับว่าได้ยอมรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลงนามในแถลงการณ์เพียงแต่ต่อสู้ประเด็นข้อกฎหมายเรื่องความผิด ตามรัฐธรรมนูญฯมาตรา 190 ใช่หรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ข้อเท็จจริงก็รับได้ว่ามีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมจริง แต่เป็นการลงนามเพื่อประโยชน์ของชาติ ซึ่งครั้งนั้นตนได้รับคำแนะนำจากกระทรวงการต่างประเทศว่า แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ลักษณะของหนังสือสนธิสัญญา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ระบุว่าจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาก่อน ซึ่งตนไม่มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้ ตนก็จะนำมาเป็นประเด็นต่อสู้ด้วย เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย