xs
xsm
sm
md
lg

ก.ตร.แต่งตั้ง 44 นายพลสีกากีผ่านฉลุย ดัน “หลานเขยหญิงอ้อ” นั่ง ผช.ผบ.ตร.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ก.ตร.ผ่าน แต่งตั้ง 44 นายพลตำรวจ ไม่เปลี่ยนบัญชี ผบ.ตร.ประชา ชี้ขาดโหวตแพทย์ใหญ่ไม่ละเก้าอี้ 9:8 “อนุชัย” นั่ง ภ.4 โยก “กวี” คุม ภ.2 “ปัญญา” คุม ภ.8 ยกคำร้องวุฒิ โวยอาวุโส

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 กรกฎาคม ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กำกับ ตร.เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 7/2556 มีวาระสำคัญพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับ ผู้บัญชาการ (ผบช.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) วาระประจำปี 2556 โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมประชุมพร้อมหน้า ขาดเพียง นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการ ก.พ.และ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ ติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ ส่วน พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒินั้น อยู่ระหว่างการยื่นร้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวให้มีสิทธิเข้าประชุมในห้วงการพิจารณาการพ้นสถานภาพ ก.ตร.รวม ก.ตร.ประชุม 18 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.อ.ประชา เดินทางมาถึง ตร.ได้ปิดห้องรับรองหารือเป็นการส่วนตัวกับ พล.ต.อ.อดุลย์ เป็นการส่วนตัว นานกว่า 30 นาที ก่อนการประชุม ก.ตร.จะเริ่มขึ้นในเวลา 11.00 น.ก่อนมีการพักรับประทานอาหารในเวลา 12.00 น.และเริ่มประชุมอีกครั้งในเวลา 13.20 น.ซึ่งในช่วงบ่ายนี้เองเริ่มต้นการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย เสร็จสิ้นในเวลา 14.35 น.รวมเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที

จากนั้นเวลา 14.50 น.พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ในฐานะโฆษกตร.แถลงว่า วันนี้มีวาระสำคัญ 3 เรื่อง เรื่องแรก ก.ตร.รับรองรูปแบบการให้สิทธิทวีคูณสำหรับตำรวจที่ปฏิบัติงานในสังกัด ศชต.ตามแบบเดิม คือมีมติให้นับสิทธินับแต่วันที่มีสิทธิ จนถึงวันที่ประชุมคณะกรรมการรับรองทวีคูณ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิม โดย ก.ตร.ไม่รับรูปแบบการนับตามที่ ศชต.เสนอ ที่ว่าให้สิทธิทวีคูณตั้งแต่วันเริ่มนับสิทธิ จนถึงวันสิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย.โดยให้เหตุผลว่าเพราะเป็นแนวทางเดิมที่ทำมาอยู่แล้ว และไม่สามารถนับล่วงหน้าได้ เรื่องที่ 2.กรณีที่ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ10) ร้องทุกข์กรณีการจัดลำดับอาวุโส โดย ก.ตร.รับคำร้องทุกข์ แต่พิจารณายกคำร้อง เพราะถือว่าเรื่องเกณฑ์การนับอาวุโสพิจารณามาก่อนแล้ว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สำหรับวาระการแต่งตั้งมีการพิจารณาอนมุติทั้งสิ้น 44 ตำแหน่ง แบ่งเป็นที่ปรึกษา (สบ10) หมุน เป็นรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ 3 ตำแหน่ง เลื่อนผู้ช่วย ผบ.ตร.และเทียบขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ10) และ นรป.5 ตำแหน่ง เลื่อน ผบช.ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.11 ตำแหน่งผบช.หมุนเวียนระดับ ผบช.9 ตำแหน่ง และ รอง ผบช.ขึ้น ผบช.16 ตำแหน่ง ที่ประชุมพิจารณาไล่ทีละตำแหน่ง มีการสอบถามเหตุผลคณะกรรมการกลั่นกรองชี้แจงทีละราย ถกกันทุกตำแหน่ง บางตำแหน่งลงคะแนนเสียงเป็นไปด้วยดี สรุปผลเป็นไปตามคณะกรรมการคัดเลือกเสนอทุกราย และรับรองให้นำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ ต่อไป

โฆษก ตร.กล่าวว่า มีการโหวตกรณีตำแหน่งระดับ ผบช.ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.ผลออกมาว่าเหมาะสมอยู่ในตำแหน่งเดิม โดยกรณีที่ พล.ต.ต.นพ.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ รอง พตร.ยื่นร้องต่อ ก.ตร.กรณี พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวน์เจนพงศ์ พตร.ไม่ขอเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ทั้งที่อาวุโสสูงสุด ต้องเลื่อนขึ้นตามกฎ ก.ตร.โดยประธาน ก.ตร.หยิบเรื่องนี้มาหารือนำมาซึ่งการโหวตและมีการพิจารณาโหวตผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ซึ่งมติ ก.ตร.ให้เป็นไปตามที่ ผบ.ตร.เสนอ สำหรับตำแหน่งที่ปรึกษา รพ.ตร.(สบ8) นั้น ที่ไม่มีการแต่งตั้ง เพราะเป็นตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ผ่าตัด และการแพทย์ทางยา จึงไม่มีผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจนั้น ยังไม่มีการเสนอชื่อเข้าใน ก.ตร.ต้องรอการพิจารณาของสภาการศึกษา รร.นรต.ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้เสียก่อน ส่วนตำแหน่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็ไม่มีการพูดถึงใน ก.ตร.

มีรายงานว่าสำหรับตำแหน่งที่มีการถกเถียงจนถึงขั้นมีการโหวตคือ กรณี 3 ตำแหน่ง คือ พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา (สบ10) นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 30 (นรต.30) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา (สบ 10) นรต.30 เป็นรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (สบ10) นรต.35 ขยับเข้าสู่ตำแหน่งหลักเป็น จเรตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ตำแหน่งว่าง 5 ตำแหน่ง ให้ พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ9) (รอง หน.นรป.) เป็น หน.นรป.(สบ10) พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม พล.ต.ท.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ10)

ในตำแหน่งระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.และเทียบเท่าที่ว่าง 11 ตำแหน่งนั้น บอร์ดกลั่นกรองมีมติให้ พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผบช.สกบ. พล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิต ผบช.รร.นรต. พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผบช.สยศ.ตร. พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ จตร.(สบ8) พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร ผบช.สง.ก.ตร. พล.ต.ท.อุดม ชัยมงคลรัตน์ จตร.(สบ8) พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผบช.ภ.6 พล.ต.ท.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ จตร.(สบ8) และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 เลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล จตร.(สบ8) นรต.รุ่น 34 ขึ้นเป็นรอง จตช.(สบ9) และ พล.ต.ต.เจษฎา อินทรสถิตย์ ผบช.สง.นรป.(สบ8) ขึ้นเป็นรอง หน.นรป.(สบ9)

สำหรับระดับ ผบช. พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รอง ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข รอง ผบช.ภ.9 เป็น จตร.(สบ8) โยก พล.ต.ท.วัฒนา สักวัตร ผบช.กมค.เป็น หัวหน้า จตร.(สบ8) พล.ต.ท.จุตติ ธรรมโนวานิช ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสวน เป็นผบช.กมค. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ ทำหน้าทีี่เชี่ยวชาญด้านสืบสวน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.สพฐ.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ นรป.(สบ8) ขยับเข้าไลน์หลักเป็น ผบช.สง.นรป.โดยมี พล.ต.ต.ดุสิต สังขะเมฆะ นรป.(สบ7) ขึ้นเป็น นรป.(สบ8) พล.ต.ต.พนมศักดิ์ ทั่งทอง รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.(ทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการข่าว) ขึ้นเป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล รอง ผบช.ภ.1 อาวุโสอันดับ 6 ได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผบช.สกบ.

พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 โยกเป็น ผบช.ภ.2 โดย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. นรต.28 มือทำคดีเสื้อแดง ขึ้นเป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.วิชาญ ทองประชาญ รอง ผบช.สง.กตร.ขึ้นเป็น ผบช.สง.กตร. พล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร จตร.(สบ8) เป็น ผบช.ภ.6 โดย พล.ต.ต.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ รอง ผบช.ศชต.ขึ้นเป็น จตร.(สบ8) แทน พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี รอง ผบช.สตม.ขึ้นเป็นจตร.(สบ8) พล.ต.ต.ทวีชัย วิริยะโกศล รอง ผบช.สกบ.เป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.อรรถชัย เกิดมงคล รอง ผบช.ตชด.ขึ้นเป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส.ขึ้นเป็น ผบช.ปส. พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.ทำหน้าทีี่บริหารงานด้านป้องกัน เป็น ผบช.ภ.3 โดยมี พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม รอง ผบช.ศชต.ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.แทน
พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 เป็น ผบช.ศชต. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.สพฐ.ตร.เป็นผบช.ภ.8 พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว จตร.(สบ8) เป็น ผบช.สพฐ.ตร.แทน พล.ต.ต.กฤษฎิ์ศักดิ์ วิชชารยะ รอง ผบช.ส.ขึ้นเป็น จตร.(สบ8)

ส่วนตำแหน่งที่ไม่มีการเสนอเปลี่ยนแปลงในการแต่งตั้งครั้งนี้ คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบช.ก. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผบช.ส. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผบช.สทส. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผบช.ศ. พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญญา ผบช.สงป. พล.ต.ท.สุชีพ หนูนาง ผบช.สตส.

ส่วนกรณี พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวน์เจนพงศ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร.ที่ไม่ขอขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.โดย ก.ตร.18 คน งดออกเสียง 1 คน คะแนนเสียงเป็น 8 ต่อ 8 ก่อนที่ประธาน ก.ตร.จะโหวตตัดสินเห็นชอบตาม ผบ.ตร.เสนอคือให้แพทย์ใหญ่อยู่ในตำแหน่งเดิม นอกจากนี้ยังมีการโหวตกรณีวางตัว พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.สพฐ.ตร.เป็น ผบช.สยส.ตร.โดยมีการเสนอว่าควรขึ้นเป็น ผบช.สพฐ.ตร.มากกว่า แต่เมื่อมีการโหวตก็มีมติ 10 ต่อ 8 ควรให้ พล.ต.ต.อนันต์ ขึ้นในตำแหน่ง ผบช.สยส.ตร.ตามที่ ผบ.ตร.เสนอ

สำหรับรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาโดย ก.ตร.ดังนี้ 3 ตำแหน่ง คือ พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา (สบ10) นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 30 (นรต.30) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา (สบ 10) นรต.30 เป็นรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (สบ10) นรต.35 ขยับเข้าสู่ตำแหน่งหลักเป็น จเรตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ตำแหน่งว่าง 5 ตำแหน่ง ให้ พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ9) (รอง หน.นรป.) เป็น หน.นรป.(สบ10) พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม พล.ต.ท.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ10)

ในตำแหน่งระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.และเทียบเท่าที่ว่าง 11 ตำแหน่งนั้น บอร์ดกลั่นกรองมีมติให้ พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผบช.สกบ. พล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิต ผบช.รร.นรต. พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผบช.สยศ.ตร. พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ จตร.(สบ8) พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร ผบช.สง.ก.ตร. พล.ต.ท.อุดม ชัยมงคลรัตน์ จตร.(สบ8) พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผบช.ภ.6 พล.ต.ท.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ จตร.(สบ8) และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 เลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล จตร.(สบ8) นรต.รุ่น 34 ขึ้นเป็นรอง จตช.(สบ9) และ พล.ต.ต.เจษฎา อินทรสถิตย์ ผบช.สง.นรป.(สบ8) ขึ้นเป็นรอง หน.นรป.(สบ9) ทั้งนี้การแต่งตั้งระดับนี้เป็นไปตามอาวุโส แต่เนื่องจาก พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงศ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตร.และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผบช.ก.ขออยู่ตำแหน่งเดิม แม้จะมีอาวุโสสูงก็ตาม จึงมีการขยับ พล.ต.ท.วินัย และพล.ต.ท.พันธ์ศักดิ์ เลื่อนขึ้นแทนตามความเหมาะสม ซึ่งประเด็นนี้เองประธานบอร์ดกลั่นกรองตั้งข้อสังเกตถึงการไม่เลื่อนตำแหน่งขึ้นของ พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ ทั้งที่มีอาวุโสอันดับที่ 1 และอยู่ในตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่มา 4 ปีแล้ว ซึ่งใช้เวลาอภิปรายกันนานจึงจะให้ผ่านในที่สุด

สำหรับระดับ ผบช.มีเก้าอี้ว่างจากการเกษียณอายุราชการและเลื่อนตำแหน่งขึ้น 19 ตำแหน่ง และโยกย้ายสับเปลี่ยนดังนี้ พล.ต.ท.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รอง ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข รอง ผบช.ภ.9 เป็น จตร.(สบ8) โยก พล.ต.ท.วัฒนา สักวัตร ผบช.กมค.เป็น หัวหน้า จตร.(สบ8) พล.ต.ท.จุตติ ธรรมโนวานิช ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสวน เป็นผบช.กมค. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ ทำหน้าที่เชี่ยวชาญด้านสืบสวน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.สพฐ.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ท.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ นรป.(สบ8) ขยับเข้าไลน์หลักเป็น ผบช.สง.นรป.โดยมี พล.ต.ต.ดุสิต สังขะเมฆะ นรป.(สบ7) ขึ้นเป็น นรป.(สบ8) พล.ต.ต.พนมศักดิ์ ทั่งทอง รอง ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.(ทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการข่าว) ขึ้นเป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล รอง ผบช.ภ.1 อาวุโสอันดับ 6 ได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผบช.สกบ.

พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 โยกเป็น ผบช.ภ.2 โดย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. นรต.28 มือทำคดีเสื้อแดง ขึ้นเป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.วิชาญ ทองประชาญ รอง ผบช.สง.กตร.ขึ้นเป็น ผบช.สง.กตร. พล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร จตร.(สบ8) เป็น ผบช.ภ.6 โดย พล.ต.ต.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ รอง ผบช.ศชต.ขึ้นเป็น จตร.(สบ8) แทน พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี รอง ผบช.สตม.ขึ้นเป็นจตร.(สบ8) พล.ต.ต.ทวีชัย วิริยะโกศล รอง ผบช.สกบ.เป็น จตร.(สบ8)

พล.ต.ต.อรรถชัย เกิดมงคล รอง ผบช.ตชด.ขึ้นเป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช.ปส.ขึ้นเป็น ผบช.ปส. พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ทำหน้าที่บริหารงานด้านป้องกัน เป็น ผบช.ภ.3 โดยมี พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม รอง ผบช.ศชต.ขึ้นเป็น ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.แทน พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 เป็น ผบช.ศชต. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.สพฐ.ตร.เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว จตร.(สบ8) เป็น ผบช.สพฐ.ตร.แทน พล.ต.ต.กฤษฎิ์ศักดิ์ วิชชารยะ รอง ผบช.ส.ขึ้นเป็น จตร.(สบ8)
กำลังโหลดความคิดเห็น