วิจารณ์หึ่ง! พล.ต.ต.ล็อบบีล็อกสเปกตั้ง ผบช.รร.นรต.

วิจารณ์หึ่ง! สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ล็อบบีล็อกสเปกตั้ง ผบช.รร.นรต.ไม่แคร์หลักเกณฑ์ธรรมเนียมที่เคยถือปฏิบัติมาโดยตลอด!

วันนี้ (10 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีรายงานว่า มีการแจ้งนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 17 กรกฎาคม เวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุม 1 ตร.โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณากรณีการพ้นจากตำแหน่ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิของ พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ ที่เลื่อนการพิจารณามามากกว่า 3 ครั้ง แล้ว และวาระเรื่องการกำหนดสัดส่วนอาวุโสการแต่งตั้ง โดยครั้งนี้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร.จะเดินทางมาร่วมประชุมเป็นครั้งแรกด้วย

สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ถึง ผู้บัญชาการ (ผบช.) วาระประจำปี 2556 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบการจัดลำดับความอาวุโส หากไม่มีการคัดค้านการจัดลำดับความอาวุโสภายในวันที่ 12 ก.ค.ก็จะเริ่มพิจารณาจัดทำบัญชีแต่งตั้ง โดยมีการกำหนดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรองในวันที่ 19 ก.ค.จากนั้นคาดว่าจะนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งในวันที่ 24 ก.ค.

ขณะเดียวกัน มีรายงาน ขณะนี้ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ10) ได้ยื่นคัดค้านการจัดลำดับอาวุโสฉบับปัจจุบันที่ออกโดยสำนักงานกำลังพล ลงวันที่ 3 ก.ค. 2556 ต่อสำนักงานกำลังพลแล้ว ซึ่งตามบัญชีดังกล่าว พล.ต.อ.วุฒิ เป็น พล.ต.อ.ที่มีอาวุโสรั้งท้ายอยู่ในลำดับที่ 9 และเป็นคนที่ 4 ในกลุ่มตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) ต่อจาก พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (สบ10) ซึ่งจะส่งผลให้การแต่งตั้งครั้งนี้ พล.ต.อ.วุฒิ ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รอง ผบ.ตร.หรือจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ซึ่งถือเป็นตำแหน่งหลักและมีสิทธิเป็น ก.ตร.แต่ยังคงเป็นที่ปรึกษา (สบ10) ตามเดิม เนื่องจากกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ สารวัตร ถึง จเรตำรวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2549 ระบุว่าการแต่งตั้งระดับผู้ช่วยผบ.ตร.ขึ้นไปต้องเป็นไปตามลำดับอาวุโส และในการแต่งตั้งวาระ 2556 ครั้งนี้มีตำแหน่ง รองผบ.ตร.และ จตช.ว่างเพียง 3 ตำแหน่งเท่านั้น ดังนั้นหากยึดตามบัญชีอาวุโสฉบับปัจจุบัน พล.ต.อ.วุฒิ จะพลาดการขยับสู่ตำแหน่งหลักทันที อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.วุฒิ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) ได้ยื่นคัดค้านการจัดลำดับอาวุโสของ ตร.มาโดยตลอด โดยระบุว่าหากมีการปรับเปลี่ยนวิธีการการนับอาวุโสที่นับไปถึงการดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการ ซึ่งขณะนี้ไม่มีตำแหน่งนี้แล้ว พล.ต.อ.วุฒิ จะมีอาวุโสสูงกว่า พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ทันที แต่ทั้งนั้น ตร.และ ก.ตร.ยังไม่ได้ข้อสรุป มีการส่งกลับให้ ตร.ทบทวนหลายครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) ถึงการคัดเลือกผู้มีสิทธิดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ผบช.นรต.) แทน พล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิต ผบช.นรต.ที่จะขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ในการแต่งตั้งวาระประจำปีนี้ โดยตำแหน่ง ผบช.นรต.นั้น มีการกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พ.ศ. 2551 ว่า ต้องการแต่งตั้งนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องแต่งตั้งโดยคำแนะนำของสภาการศึกษา รร.นรต.ที่เป็นเสมือนบอร์ดกลั่นกรองเฉพาะตำแหน่งนี้ แต่กลับมีความเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายการล็อกสเปก พยายามผลักดันรองผบช.ในหน่วยคนตรงคนหนึ่ง ที่ไม่มีคุณสมบัติครบที่จะเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ ที่กำหนดว่าต้องเป็น รอง ผบช.อย่างน้อย 2 ปี ได้ขยับติดยศ พล.ต.ท.แบบฟาสต์แทรกในตำแหน่งนี้ ถึงขั้นมีการล็อบบีจนล้มประกาศสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เรื่องการคัดเลือกผู้มีสิทธิดำรงตำแหน่ง ผบช.นรต.ฉบับที่ออกมาก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2556 ลงนามโดย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นายกสภาการศึกษา รร.นรต.ซึ่งกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครเป็น ผบช.ว่าต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.รร.นรต.และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงจเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร. พ.ศ. 2549 ด้วย แล้วออกประกาศฉบับใหม่เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยตัดคุณสมบัติข้อนี้ออก โดยอ้างว่าฉบับเดิมมีการกำหนดคุณสมบัติที่เข้าข่ายริดรอนสิทธิ จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์อย่างหนักในโรงเรียน นรต.ว่าเป็นการล้มประกาศเพื่อเปิดช่องให้ พล.ต.ต.คนดังกล่าวมีสิทธิเข้าแสดงวิสัยทัศน์เพื่อรับการคัดเลือกเป็น ผบช.นรต.นั่นเอง
มีรายงาน เมื่อครั้งออกประกาศครั้งแรก นายตำรวจคนดังกล่าวก็ยื่นใบสมัครเพื่อรับการคัดเลือกด้วย แต่ถูกตัดรายชื่อออกเนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบ คือเป็น รอง ผบช.ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น ต่อมาก็มีการนัดหมายผู้ที่คุณสมบัติครบเข้าแสดงวิสัยทัศน์ ในวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงกำหนดก็ขอเลื่อนออกไป กระทั่งมีการประชุมสภาการศึกษา รร.นรต.ในวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีมติให้ยกเลิกประกาศสภาฯฉบับเดิมและออกประกาศใหม่ โดยนายตำรวจคนดังกล่าวได้ยื่นใบสมัครเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ด้วย ทั้งนี้ หากสภาการศึกษาฯ เลือกนายตำรวจคนนี้เป็น ผบช.รร.นรต.คนต่อไป ก็ต้องขออนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์ใน ก.ตร.และให้ ก.ตร.พิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนอกจากเกิดเสียงวิจารณ์ในรร.นรต.แล้วประเด็นนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หนัก ในวงการสีกากีว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แทรกแซงการแต่งตั้งถึงใน รร.นรต.สถาบันแม่ของตำรวจ ทำให้คนในหน่วยเสียขวัญกำลังใจ และไม่มีเหตุจำเป็นใดที่จะต้องยกเว้นหลักเกณฑ์เพื่อผลักดันบุคคลดังกล่าว เพราะนายตำรวจที่เติบโตในรร.นรต.หลายคนก็มีคุณสมบัติที่จะเลื่อนตำแหน่งได้ จึงมีการมองว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะมีแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองและบิ๊กใน ตร.