“ปิยะ อุทาโย” ผงาดคว้าเก้าอี้ ผบช.รร.นรต.หลังคณะกรรมการสภาการศึกษาฯ ได้รับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของ 6 รอง ผบช. ที่ยื่นใบสมัคร ก่อนมติว่าเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม ท่ามกลางกระแสข่าวล็อกสเปก
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่ห้องประชุม 4 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คณะกรรมการสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) ได้จัดประชุมให้ผู้สมัครขอเป็น ผบช.ร.ร.นรต.เพื่อทดแทนตำแหน่ง พล.ต.ท.อารีย์ อ่อนชิต ที่เลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.เข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ โดยมีนายตำรวจระดับรอง ผบช.เข้าแสดงวิทัศน์จำนวน 6 ราย คือ พล.ต.ต.วิศิษฐ์ เอมประณีตร์ รอง ผบช.รร.นรต., พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พรหมธร ภาคอัต รอง ผบช.ศ. และ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย รอง ผบช.สกพ.และโฆษก สตช.
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังการแสดงวิสัยทัศน์ที่นานกว่า 7 ชั่วโมง ทางคณะกรรมการสภาการศึกษา รร.นรต.ได้มีการประชุมลับ ก่อนมีมติให้ พล.ต.ต.ปิยะเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมเลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ร.ร.นรต.หลังจากนี้จะมีการนำมติดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) รับรองต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางกรณีที่สภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีการปรับแก้ประกาศคุณสมบัติผู้รับสมัครคัดเลือกดำรงตำแหน่ง ผบช.รร.นรต. ที่เดิมกำหนดให้ รอง ผบช.ที่จะยื่นความจำนงสมัครเข้ารับตำแหน่งต้องเป็นรอง ผบช.มาไม่น้อยกว่า 2 ปีตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรถึงจเรตำรวจแห่งชาติ และรอง ผบ.ตร. พ.ศ. 2549 แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา สภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจมีการประชุมและยกเลิกประกาศสภาฯ ฉบับเดิม และออกประกาศฉบับใหม่ โดยมีการตัดทิ้งข้อกำหนดรอง ผบช.ที่จะสมัครเข้าคัดเลือกเป็น ผบช.รร.นรต.ต้องดำรงตำแหน่งรอง ผบช.มาไม่น้อยกว่า 2 ปีทิ้งไป ทั้งที่ประกาศสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เรื่องการคัดเลือกผู้มีสิทธิดำรงตำแหน่ง ผบช.นรต.ฉบับที่ออกมาก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2556 ลงนามโดย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เพิ่งกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครเป็น ผบช.ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.รร.นรต.และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งฯ ด้วย แต่ทว่าวันที่ 2 ก.ค. 2556 ก็มีประกาศฉบับใหม่ตัดคุณสมบัติข้อนี้ออก โดยให้เหตุผลว่าฉบับเดิมมีการกำหนดคุณสมบัติที่เข้าข่ายลิดรอนสิทธิ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไปสอดรับกับคุณสมบัติของ พล.ต.ต.ปิยะ ที่ดำรงตำแหน่งรอง ผบช.สกพ.ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น
